วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2556

'ชิวาวา'เล็กสุดในโลก


'ชิวาวา'เล็กสุดในโลกสูงเพียง9.6ซม.

สุนัขพันธุ์ชิวาวา ในเปอร์โต ริโก ได้รับการบันทึกโดย กินเนสส์ บุ๊ค
เวิลด์ เรคคอร์ด ให้เป็นสุนัขที่ตัวเล็กที่สุดในโลก ประเภทความสูง


                            29 ก.ย. 56  สุนัขตัวนี้ มีชื่อว่า " มิราเคิล มิลลีย์ " ได้ขึ้นทำเนียบสุนัขตัวเล็ก
ที่สุดในโลก โดยมีความสูงเพียง 9.6 เซ็นติเมตร หรือ 3.8 นิ้ว และได้ครองตำแหน่งนี้ไปเรียบร้อยแล้ว 
ตั้งแต่วันพฤหัสบดี
                            มิราเคิล มิลลีย์ มีอายุเกือบ 2 ขวบแล้ว มันอาศัยอยู่กับ เอ็ดวิน พอลล็อค 
ผู้เป็นเจ้าของในเมืองโดราโด นอกกรุงซาน ฮวน ของเปอร์โต ริโก ซึ่งเมื่อนำมันไปเปรียบเทียบกับ
สุนัขพันธุ์เกรทเดน ที่เป็นของเพื่อนของพอลล็อค ก็พบว่า มิราเคิล มิลลีย์ มีขนาดเท่ากับส่วนหัวของ
เจ้าเกรทเดนเท่านั้น ซึ่งพอลล็อค บอกว่า มิราเคิล มิลลีย์ ได้รับการยอมรับหลายครั้งแล้วเรื่องขนาด
ความจิ๋วของมัน
                            ตอนนี้ มันครองถึง 3 แชมป์ ได้แก่ ลูกสุนัขที่ตัวเล็กที่่สุดในโลก ตอนที่มันยังเป็น
ลูกสุนัข , รางวัลจากเวิลด์ เรคคอร์ด อะคาเดมี่ ในฐานะสุนัขเต็มวัยที่ตัวเล็กที่สุดที่มีชีวิตอยู่ และล่าสุด 
สุนัขเต็มวัยที่ตัวเล็กที่สุดในโลกของกินเนสส์
                            มิราเคิล มิลลีย์ แย่งตำแหน่งนี้มาจาก บูบู สุนัขพันธุ์ชิวาวา ในรัฐเคนตั๊กกี้ของสหรัฐ 
โดยวัดจากความสูง ซึ่งเจ้าบูบู สูงกว่า โดยวัดได้ 10.16 เซ็นติเมตร หรือ 4 นิ้ว แต่ถ้าวัดกันในเรื่องความยาว 
มิราเคิล มิลลีย์ ต้องพ่ายให้กับสุนัขพันธุ์ชิวาวา ที่เมืองคีย์ ลาโก รัฐฟลอริด้า ที่ตอนนี้ครองตำแหน่งสุนัข
ที่ตัวเล็กที่สุดในโลก ในประเภทความยาว โดยยาวเพียง15.24 เซ็นติเมตร หรือ 6 นิ้วเท่านั้น

ภาพและข้อมูลจาก http://www.komchadluek.net/

วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2556

ภาพน่าประทับใจ แม่สิงโตเสี่ยงชีวิตช่วยลูกน้อยที่ตกหน้าผาที่เคนยา

 เดลิเมล์ - แม่สิงโตผู้ห้าวหาญเสี่ยงชีวิตปีนหน้าผาชันลงไปช่วยลูกน้อยอย่าง
ไม่เกรงกลัวความตาย ภาพน่าประทับใจที่ช่างภาพสัตว์ป่ารายหนึ่งถ่ายไว้ได้

ที่ประเทศเคนยา และถูกเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2011



       
       แม่สิงโตพร้อมกับสิงโตตัวอื่นๆอีก 3 ตัว รุดมายังริมหน้าผาทันที เมื่อเห็นลูกน้อยร้องครวญคราง
หลังตกลงไปสู่เหวลึกเบื้องหลัง 




จากนั้นเหล่าฝูงสิงโตตัวเมียพยายามไต่ลงไป แต่ด้วยความชันของหน้าผาทำให้พวกมัน
ต้องล่าถอยกลับมา

 อย่างไรก็ตาม แม่ของเจ้าสิงโตน้อยไม่ยอมแพ้ ใช้พลังแห่งกรงเล็บจิกลงไปบนพื้นดินเพื่อยึดติด
กับขอบหน้าผาที่ไม่แข็งแรงนักและก้าวลงไปจนถึงตัวลูกของมัน ก่อนใช้เขี้ยวคาบลูกน้อย และ
ปีนขึ้นมาอย่างปลอดภัย ทั้งนี้ระหว่างความพยายามช่วยเหลือนั้น หากพลาดพลั้งแม้แต่ก้าวเดียว
ก็หมายถึงความตายที่เฝ้ารออยู่ที่ก้นหน้าผา

       


หลังจากพ้นผ่านเหตุการณ์เสี่ยงตายแล้วแม่สิงห์โตก็เลียปลอบประโลมลูกน้อยด้วยความรัก


       ภาพความช่วยเหลืออันน่าประทับใจนี้ถ่ายไว้ได้ที่เขตป่าสงวนมาไซมารา ประเทศเคนยา
โดยฝีมือของนายฌอง ฟรองซัวส์ ลาร์กอต ช่างภาพสัตว์ป่า




อ่านเพิ่มเติม

ข้อมูลภาษาไทยจาก http://www.manager.co.th/ และภาพจาก http://www.dailymail.co.uk/

เจอแล้ว "สมหวัง" สุนัขแสนรู้ช่วยพระบิณฑบาต ถูกอุ้มไปเชียงคาน



คนขับรถพ่วงโทรแจ้งส่งคืน "สมหวัง" มาช่วยเข็นรถบิณฑบาตหลวงตาหนู จ.อุดรธานี
หลังพาไปเลี้ยงที่เชียงคาน จ.เลย
กรณี "สมหวัง" สุนัขแสนรู้ เพศผู้ พันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ อายุ 5 ปี ของพระหนูที สุตตธัมโม พระลูกวัด
วัดจันทราทิพย์ ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี ที่ช่วยลากรถล้อเลื่อนใส่ของที่ได้รับจากการบิณฑบาต
ได้พลัดหลงกับพระหนูทีขณะกำลังเดินทางกลับจากบิณฑบาต บริเวณปั๊มน้ำมัน แยกบ้านหนองแวง
ต.หนองหว้า อ.หนองบัวลาย จ.นครราชสีมา ตั้งแต่วันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยมีผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า
 มีคนขับรถสิบล้อพ่วงที่วิ่งมาได้จอดรถและอุ้มตัว "สมหวัง" ไปตั้งแต่บัดนั้น และไม่มีการติดต่อมาแต่อย่างไร
แม้มีการติดป้ายประกาศหาตัว รวมถึงบรรดาผู้รักสัตว์ในโลกสังคมออนไลน์ ได้ร่วมโพสต์ภาพ"สมหวัง"
ช่วยกันสอดส่องหาตัว


 ล่าสุดได้พบตัว "สมหวัง" แล้วหลังคนขับรถพ่วงโทรแจ้งส่งหมาคืนหลังพาไปเลี้ยงที่เชียงคาน จ.เลย
ด้านภรรยาคนขับรถพ่วงเผยพบ "สมหวัง" วิ่งตามรถไปมา จึงเปิดประตู หมากระโดดขึ้นรถเอง จึงพา
กลับบ้านที่จ.เลย เพิ่งทราบข่าวว่าเป็นสมหวัง กำลังนำส่งคืนวัด ขณะที่พระหนูที ยืนยันจะจ่ายเงิน
 20,000 บาทให้กับคนที่นำสมหวังมาคืนให้

ตอนนี้หลวงตาหนูและหมาสมหวังพบกันแล้ว ได้นัดส่งมอบเจ้าสมหวัง ในพื้นที่บ้านหนองแหวง
ต.หนองหว้า อ.หนองบัวลาย จ.นครราชสีมา  เส้นทางเชื่อมระหว่าง จ.ขอนแก่น-นครราชสีมา
จุดที่เจ้าสมหวังหายตัวไป ในเวลา 14.00 น.


ข้อมูลจาก ครอบครัวข่าว 3 และภาพจากhttp://www.prachachat.net/

วันศุกร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2556

ไม่รัก....อย่าเลี้ยง...

ได้อ่านจาก facebook ที่เพื่อนแชร์มาให้ดู  ความรู้สึก.... อยากให้คุณอ่านเองดีกว่า
มีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง ซึ่งอยากแบ่งปันให้รับรู้ถึงคุณค่าของความรักและภักดี ว่าสัตว์เลี้ยง
ของคุณก็มีหั
วใจ....




.......สองเดือนก่อนผมผ่านไปทำธุระในซอยแถวลาดพร้าวตอนบ่ายแก่ๆ หลังจากเสร็จธุระ
ก็แวะกินข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งที่คุ้นเคยเป็นขาประจำกัน ....ระหว่างที่นั่งรออาหารอยู่นั้น
มีรถเก๋งสีขาวคันหนึ่งแล่นมาจอดข้างฟุตบาธริมถนนฝั่งตรงข้ามสักครู่หนึ่งรถก็วิ่งออกไป 
บนฟุตบาธนั้นมีหมาตัวหนึ่งยืนอยู่ มันถูกปล่อยลงมาจากรถคันนั้น เป็นหมาสีขาว ลายด่าง
สีน้ำตาล ขนยาวขาวสะอาด และดููอ้วนท้วนสมบูรณ์ดี เป็นหมามีสกุลรุนชาติ สวมปลอกคอหนัง
สีแดงสดใส มันยืนอยู่สักครู่ก็นั่งลงมองตามรถที่วิ่งจากไป ผมหันกลับมากินข้าวที่เด็กยกมาส่งให้ 
จนอิ่มคุยกับแม่ค้าสักพักก็เตรียมจะกลับบ้าน แม่ค้าพูดขึ้นว่า "คุณดูหมาตัวนั้นสิ นั่งนิ่งเหมือนหุ่น
อยู่ตั้งนาน พี่ว่าเค้าเอามันมาปล่อยแน่เลย" ผมหันไปดูแล้วก็พยักหน้าให้แม่ค้า ก่อนจะเดินกลับ
ไปที่รถไม่ได้สนใจอะไร

.......หนึ่งเดือนต่อมาผมกลับไปทำธุระที่เดิมอีก คราวนี้รู้สึกทึ่งที่พบว่าหมาตัวดังกล่าว

นั่งอยู่ที่เดิมในท่าเดิมที่เห็นเมื่อเดือนก่อน ต่างไปหน่อยตรงที่มันผอมลงมากๆ ไม่ขาวสะอาด
เหมือนก่อนและดูเศร้าหมอง "มันนั่งอยู่อย่างนั้นตั้งแต่วันที่คุณเห็นนั่นแหละ พี่ว่ามันรอเจ้าของมันนะ
เค้าคงเอามาปล่อย มันคงไม่รู้ตัวก็เลยรออยู่ที่เดิม มีคนสงสารพยายามจะเอามันไปเลี้ยงที่บ้าน
มันก็ไม่ยอมไป เอาไปได้ไม่กี่ชั่วโมงมันก็หนีกลับมาอยู่ที่เดิม ฝนตกมันก็นั่งตากฝนอยู่อย่างนั้น
ไม่ยอมไปไหน พวกเราเอาอาหารไปวางให้กินมันก็กินนิดหน่อย ไม่ค่อยกิน ผอมจนน่ากลัว
เจ้าของมันคงไม่รู้ว่ามันคอยอยู่อย่างนี้มาเป็นเดือนแล้ว เวลามีรถสีขาวที่เหมือนคันที่พามัน
มาวิ่งผ่านมา มันจะลุกขึ้นยืนโบกหางไปมา พอรถผ่านไปมันก็จะนั่งลงเหมือนเดิม"

.....ผมรู้สึกตื้นตันกินข้าวไม่ลง ก่อนกลับได้เดินข้ามไปทักทายมัน มันเงยหน้ามองผม 

แววตาของมันเศร้าหมองมาก และติดตาผมอยู่หลายวัน สองอาทิตย์ต่อมาผมพอมีเวลาว่าง
จึงตั้งใจขับรถไปเพื่อจะไปเยี่ยมเจ้าหมาที่รอเจ้าของตัวนั้น เมื่อไปถึงไม่เห็นมันอยู่ที่เดิมแล้ว 
....."มันตายแล้วเมื่อสองวันก่อน มันไม่กินอะไรเลย เอาแต่นั่งชะเง้อมอง ตอนหลังมันสู้
ไม่ไหวต้องนอนลงเพราะไม่มีแรง พวกเราพามันไปหาหมอ มันร้องดิ้นรนไม่ยอมไป 
มันคงกลัวเจ้าของกลับมารับแล้วไม่เจอ หมอบอกว่ามันขาดน้ำอย่างรุนแรง และตรอมใจ 
ร่างกายมันเลยไม่ไหว พี่อยากฝังมันไว้ตรงฟุตบาธ แต่คิดไปอีกทีอย่าให้มันรอเค้าอีกเลย 
คนใจร้ายอย่างนั้น สู้ใจหมายังไม่ได้เลย ขอให้มันสิ้นสุดการรอคอยแค่นี้แล้วกัน"

..........
.นี่คือเรื่องจริงที่พบเจอมาและอยากบอกให้ทุกคนรู้ว่า หมาก็มีหัวใจ 
อย่าทำร้ายมันด้วยการทอดทิ้ง  ถ้าไม่คิดว่าจะรัก ดูแลกันได้ตลอดไป อย่าเอา
มาเลี้ยงเลยครับ สงสารเขาเถิด

Credit : Wanlop Sutthi และ ภาพและข้อมูลจาก https://www.facebook.com/karmakamet