วันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เมื่อน้องหมาเป็นโรคลมชัก

วันนี้น้องหมาที่บ้านมีอาการชัก  พาไปหาหมอ หมอบอกว่าเป็นโรคลมชัก
หะโหรย!   สงสารเค้ามากเลย หมอบอกว่า น่าจะเกิดจากการติดเชื้อ
แล้วไปทำลายสมองบางส่วน ปกติ น้องน้ำตาลจะเป็นหมาคิดมาก
วิตกกังวล alert ตลอดเวลา  ใช้พลังงานเยอะมาก เลี้ยงมาตั้งแต่
วันที่  11 ตุลาคม 2011  เป็นหมาบ้านๆแม่เป็นหมาข้างถนน ออกลูกมา 7 ตัว
เลยเอามาเลี้ยง 2 ตัว  ดูแลบ้านดีมาก ดุมากกับคนแปลกหน้า
แต่ที่บ้านมีบริเวณบ้านได้วิ่งเล่นกันบ้าง ไม่เคยปล่อยออกไปนอกบ้าน
ไม่เหมือนบางบ้านที่ปล่อยหมาออกมาทำความเดือดร้อนกันทั้งซอย
ทั้งขี้หน้าบ้านเพื่อน มาทำให้หมาแต่ละบ้านส่งเสียงเห่ากลางดึกกลางดื่น 
ตื่นกันทั้งซอยว่างั้นเถอะ  คือเราคิดว่า ถ้าเราจะเลี้ยงเค้า ก็ไม่ควรให้เค้าไป
ทำความเดือดร้อนให้คนอื่น

โรคลมชัก (Idiopathic Epilepsy in Dogs)

โรคลมชักเป็นโรคที่ยังไม่ทราบสาเหตุการเกิด เข้าใจว่าเป็นกรรมพันธุ์หรือความผิดปกติแต่กำเนิด อาการชักเกิดเนื่องจากกระแสไฟฟ้าในสมองเพิ่มมากกว่าป กติในทันทีทันใด ทำให้เกิดการหดตัวของกล้ามเนื้อเป็นชุดต่อเนื่อง, พฤติกรรมและการรับรู้ผิดไปจากปกติ ซึ่งอาจเกิดร่วมกันทุกอย่างที่กล่าวมาก็ได้ ประมาณว่าสุนัขประมาณ 2-3% เป็นโรคลมชัก และอายุที่เกิดอาการมักอยู่ระหว่าง 1-5 ปี และอาจเกิดอาการโรคลมชัดเมื่อใดก็ได้ทั้งที่ไม่เคยมี ประวัติการชักมาก่อน
อาการชักแตกต่างกันออกไป บางรายแค่มีอาการกระตุกที่ใบหน้าไปจนถึงล้มลงไปนอนชั ก, เห่า, กัดฟัน, ปัสสาวะราด, อุจจาระไม่รู้ตัว, และทำท่าตะกายเหมือนเดิน 
อาการชักเฉพาะที่ (Partial or Focal epilepsy) เป็นเพราะจำนวนเซลล์ประสาทที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการ ชักมีไม่มาก อาการชักทั้งตัว (Generalized epilepsy) เป็นเพราะจำนวนเซลล์ประสาทจำนวนมากมาเกี่ยวข้องกับกา รชัก สุนัขประมาณ 50-60% ที่เป็นโรคลมชักมักจะชักทั้งตัว
การชักมักเกิดทันทีและหยุดเอง ระยะเวลาในการชักอาจเป็นเพียงไม่กี่วินาทีจนถึงหลาย ๆ นาทีอาจถึง 30 นาที ถ้าชักนานเกินกว่านี้สมองอาจถูกทำลายถาวร โรคนี้เป็นได้กับสุนัขทุกพันธุ์รวมทั้งสุนัขพันธุ์ผส มด้วย บางพันธุ์พิสูจน์แล้วว่าเกิดเนื่องจากถ่ายทอดมาทางกร รมพันธุ์ ได้แก่ เยอรมันเชพเพอร์ด, กีส์ฮาวด์, เบลเยี่ยมเทอวูเร็น, บีเกิ้ล, ไอริชเซ็ทเทอร์, เซนต์เบอร์นาร์ด, พูเดิ้ล, ค๊อกเกอร์สแปเนี่ยล, ไวย์แฮร์ฟ๊อกเทอร์เรีย, ลาบราดอร์และโกลเด้นท์รีทรีฟเวอร์
เนื่องจากเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ สุนัขที่เป็นโรคนี้จึงไม่ควรนำมาผสมพันธุ์



ขบวนการชัก แบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ
ระยะออร่า (Aura) จะแสดงอาการของการจะเริ่มชัก เช่น กระสับกระส่าย, ตัวสั่น, เดินเป็นวง, ร้องครางในลำคอ (ร้องหงิ๋งหงิ๋ง), น้ำลายไหลมากกว่าปกติ, วิ่งพล่านหรืออาจหาที่หลบซ่อนตัว อาการอย่างนี้อาจมีระยะเวลาเพียงไม่กี่วินาทีจนถึงยา วเป็นวัน ซึ่งเจ้าของอาจไม่สังเกตเห็น 
ระยะอิกตัส (Ictus) เป็นระยะที่สุนัขจะชัก ระยะเวลาการชักอาจมีเพียงไม่กี่วินาทีจนถึงยาวหลาย ๆ นาที การชักอาจเป็นเพียงเฉพาะบางส่วนหรือล้มลงนอนชัก น้ำลายจะไหลออกมามาก ไม่สามารถควบคุมอุจจาระและปัสสาวะได้
ระยะสุดท้ายเป็นระยะฟื้นตัว (Postictial stage) ระยะนี้เป็นระยะหลังจากเมื่อชักเสร็จสุนัขจะเกิดอากา รมึนงงเดินไม่ตรงทาง และไร้จุดหมาย น้ำลายอาจจะยังยืดอยู่ ส่วนมากจะยังจำเจ้าของไม่ได้และไม่รับรู้คำสั่งใดๆ บางรายอาจเข้าหาเจ้าของเพื่อหาความอบอุ่นใจ ระยะเวลาการฟื้นตัวอาจเพียงไม่กี่นาทีจนถึงนานเป็นสั ปดาห์ สุนัขอาจแสดงอาการให้เห็นชัดเจนทั้ง 3 ระยะหรือไม่ก็ได้
มีโรคหลายโรคที่ทำให้เกิดอาการชักทั้งในสุนัขและแมว เช่น ความผิดปกติของโครงสร้างบางอย่าง เกิดเนื่องจากเชื้อไวรัส โรคไข้หัดสุนัข โรคจากเชื้อราบางชนิด (Fungal disease) เช่น สมองอักเสบ โรคพิษสุนัขบ้า ฝีในสมอง อุบัติเหตุบริเวณศีรษะเนื้องอกในสมอง เส้นเลือดสมองอักเสบ มีน้ำในสมอง โรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติของ เมตาบอลิซึม แคลเซียมในเลือดต่ำ น้ำตาลในเลือดต่ำ โรคตับ โรคไตวาย โซเดียมในเลือดต่ำ ออกซิเจนในเลือดต่ำ ขาดไวตามิน บี ได้รับสารพิษ (Poisoning) เช่น สตริกนีน ตะกั่ว organophosphorus หรือ carbamate (ยาฆ่าแมลง) สารประเภทต้านการแข็งตัวของน้ำ ตะกั่ว
การปฏิบัติ ตัวของเจ้าของเมื่อสุนัขเกิดอาการชัก
เจ้าของสัตว์ต้องไม่ตกใจเมื่อเห็นสุนัขชัก เพราะสุนัขไม่มีสติและไม่ได้ทรมาน อาจมีการหยุดหายใจชั่วครู่ระหว่างที่ชัก ให้จับเวลาการชักของสุนัขและระยะเวลาต่างๆ อย่างละเอียด เจ้าของอาจจะรู้สึกว่ามันยาวนานทั้งที่เป็นเวลาเพียง แค่ 30 วินาทีเท่านั้น
ป้องกันการทำร้ายตัวเองของสุนัขขณะชัก โดยเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์หรือสิ่งที่คิดว่าเป็นอัน ตรายออกห่างจากตัว สุนัข รวมทั้งให้สุนัขอยู่ห่างจากน้ำ บันได และของมีคม หาหมอนมารองหัวสุนัขเพื่อกันหัวฟาดเวลาชัก 
สังเกต อาการผิดปกติต่างๆ ของสุนัขก่อนและหลังการชัก สังเกตอาการของกล้ามเนื้อขณะชัก เพื่อบอกสัตวแพทย์เพื่อทำการบันทึกลงประวัติ
ถ้ามีการ ชักเกิน 5 นาทีต้องรีบส่งสัตว์ไปยังโรงพยาบาลหรือคลินิกทันที ระวังอย่าเอามือไปใกล้บริเวณปากสุนัข เพราะคุณอาจจะโดนกัดโดยที่สุนัขไม่รู้สึกตัวได้ และไม่ควรเอาช้อนหรือซ่อมไปคาปากสุนัขไว้ กันเด็กให้ห่างจากสุนัขที่กำลังจะชักหรือกำลังชัก เจ้าของควรจะอยู่กับสุนัขตลอดเวลา เพื่อจะได้คอยควบคุมให้สุนัขอยู่ในอาการสงบ
ภายหลังการ ชักให้สังเกตอาการหลังหารชักเพื่อรายงานสัตวแพทย์ อย่าให้สุนัขเดินขึ้นลงบันไดจนกว่าจะเป็นปกติ ให้น้ำกินได้ถ้าสุนัขต้องการ
สุนัข อาจร้องหรือมีอาการเดินเปะปะภายหลังการชัก ต้องคอยพยุงตัวสุนัขและระวังสุนัขกัดเพราะสุนัขกำลัง มึนงง พูดกับสุนัขด้วยน้ำเสียอ่อนโยน ถ้า 30 นาทีแล้วสุนัขยังไม่กลับเป็นปกติให้ปรึกษาสัตวแพทย์
อาการที่ควรนำส่งสัตวแพทย์ ชักนานเกินกว่า 10 นาที ชักมากกว่า 2 ครั้งภายใน 24 ชั่วโมง มีการชักต่อเนื่องภายหลังการชักครั้งแรกแล้วสุนัขยัง ไม่ทันหายเป็นปกติ
การวินิจฉัย เนื่องจากโรคลมชักยังไม่ทราบสาเหตุแน่นอน อาจต้องมีการตรวจสุขภาพสัตว์เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีโร คอื่นใดที่เป็นสาเหตุ ของการชัก การตรวจทั่วไปด้วยการซักประวัติ, ตรวจค่าเคมีในเลือด, ตรวจนับเม็ดเลือด, ตรวจปัสสาวะและอุจจาระ
การรักษา เป้าหมายของการรักษาเพื่อลดความรุนแรงและความถี่ในกา รชักลง และหลีกเลี่ยงอาการข้างเคียงจากยา บางตัวอาจต้องเลือกชนิดของยาที่ใช้เพราะอาจแพ้ยากันช ัก
ยาที่ใช้ป้องกัน อาการชัก ฟีโนบาร์บิตอล เป็นยาที่ใช้ระงับอาการชักที่ได้ผลดีและมีราคาไม่แพง ปกติมักให้วันละ 2-3 เวลา โดยการกินในขนาด 2.2 มก./กก. ไดอะซีแปม เป็นยาที่ใช้บ่อยในการป้องกันอาการชักเช่นเดียวกัน โบรไมด์ มักอยู่ในรูปเกลือโปแตสเซี่ยมโบรไมด์ มักเป็นยาที่ใช้ร่วมกับฟีโนบาร์บิตอล เนื่องจากสุนัขบางตัวไม่ตอบสนองต่อการใช้ฟีโนบาร์บิต อลเดี่ยว ๆ 
การดูแล ตรวจระดับยาในกระแสเลือดปีละครั้งเป็นอย่างน้อย เพราะระดับยาในเลือดที่สูงกว่าปกติอาจทำให้ตับวาย สังเกตอาการชักทุกระยะแล้วรายงานให้สัตวแพทย์ทราบเพื ่อการปรับเปลี่ยนขนาดยา การปรับเปลี่ยนขนาดยาเองอาจทำให้อาการชักรุนแรงขึ้น ถ้ามีอาการอย่างที่กล่าวมาแล้ว เช่น ชักมากกว่า 2 ครั้งต่อวัน ฯลฯ ให้รีบส่งสัตวแพทย์
ต้องเข้าใจว่าโรคลมชักไม่ได้ก่ออันตรายถึงชีวิตกับสั ตว์ ยกเว้นไม่ได้รับยาอย่างสม่ำเสมอสุนัขอาจชักจนถึงตายไ ด้ ดังนั้นจึงไม่ควรหยุดยาเพราะสุนัขบางตัวต้องได้รับยา ไปตลอดชีวิต
Dr. John McDonnell

บทความโดย : โรงพยาบาลสัตว์เอ็นพี

วันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เจ้าหมาเพื่อนยาก จูงวัวชนคู่หูออกกำลังกายทุกวัน



เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านทุ่งเกาะญวน หมู่ที่ 5 ตำบลหนองบ่อ อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง ว่า พบสุนัขพันธุ์ผสมอัลเซเชี่ยน เดินจูงวัวชนไปออกกำลังกายบริเวณริมถนนบ้านเกาะญวน เป็นประจำทุกวัน จึงเดินทางไปตรวจสอบที่บ้านของ นายไข่ มากมูล อายุ 70 ปี เจ้าของบ้านเลขที่ 40 หมู่ที่ 5 บ้านทุ่งเกาะญวน ตำบลหนองบ่อ  อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง
พบสุนัขเพศผู้ อายุประมาณ 3 ปี กำลังเดินจูงวัวชนพันธุ์พื้นเมือง เพื่อออกกำลังกาย เส้นทางระหว่างบ้านพักสู่เทศบาลตำบลย่านตาขาว

 โดย นายไข่ ซึ่งเป็นเจ้าของวัวชนและสุนัข เล่าว่า ทั้งสุนัขและวัวชนดังกล่าว ตนซื้อมาเลี้ยงไว้ตั้งแต่เล็กๆ ทั้งสองตัวจึงมีความสนิทรักใคร่ ไม่เคยไล่กัด หรือทำร้ายกันเลย ต่อมาได้ตั้งชื่อสุนัขว่า “เจ้าสิงห์” และตั้วชื่อวัวชนว่า “เจ้าแดงเจริญทอง” กระทั่งหลังจากวัวชนอายุได้ 4 ปี ซึ่งใกล้จะลงสังเวียนได้ ตนจึงนำวัวชนเดินออกกำลังกายในช่วงเช้าของทุกๆ วัน  เพื่อเป็นการฟิตและเสริมความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย

 ทั้งนี้ ตนจะเป็นคนฝึกฝนให้ เจ้าสิงห์ สุนัขแสนรู้  เป็นผู้จูง เจ้าแดงเจริญทอง วัวชนคู่หู เนื่องจากเห็นว่าสุนัขมีกำลังแข็งแรง และน่าจะสามารถพาวัวไปออกกำลังกายได้ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 ปี ในที่สุด เจ้าสิงห์ ก็สามารถนำ เจ้าแดงเจริญทอง ออกเดินในช่วงเช้า เวลาประมาณ 04.00 น. ของทุกวัน โดยใช้ระยะเวลาเดินทางจากบ้านพักที่บ้านหนองยวน ไปยังตลาดสดเทศบาลตำบลย่านตาขาว เป็นระยะทาง 14 กม. หรือจะเดินทางกลับถึงบ้านพักในเวลาประมาณ 08.00 น. เป็นประจำทุกวัน

 นายไข่ ระบุว่า สัตว์เลี้ยงทั้งสองตัว มีความสนิทเหมือนกับเพื่อน และไม่เคยทำร้ายกัน แต่ถ้าเป็นสุนัขตัวอื่นๆ เจ้าแดงเจริญทอง วัวชนคู่หู จะไม่ยอมให้เข้าใกล้ ยกเว้นเฉพาะ เจ้าสิงห์ สุนัขเพื่อนยากเท่านั้น ขณะเดียวกันเวลาเจ้าแดงเจริญทองอาบน้ำ จะขึ้นไปเล่นขี่กันทุกครั้ง ซึ่งก็เป็นภาพที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก 


ภาพและข้อมูลจาก http://www.khaosod.co.th/

วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ฉันเป็นหนี้บุญคุณสุนัข ที่ทำให้ฉันรู้ว่าเป็นมะเร็งเต้านม


ด้วยความที่ในครอบครัว ไม่เคยมีใครป่วยเป็นโรคมะเร็ง อัลลิสัน พาวเวลล์ แม่ลูกหนึ่ง ชาวเมืองพอร์ทสมัธ ประเทศอังกฤษ จึงไม่เคยคิดจะไปตรวจหามะเร็งเต้านมเลยสักครั้ง แม้อายุย่างเข้า 48 ปี

แต่เพราะ "มิสซี่" สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ เพศเมียวัย 4 ปีที่เธอเลี้ยงไว้แท้ๆ ที่ทำให้อัลลิสันตัดสินใจไปโรงพยาบาล และตรวจพบว่าเธอเป็นมะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้น เมื่อแพทย์ตรวจพบก้อนเนื้อร้ายที่เต้านมข้างซ้าย

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี พ.ศ.2556 และอัลลิสันได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลควีน อเล็กซานดร้า ฮอสปิตอล โดยแพทย์ได้ผ่าตัดเต้านมเธอออกทั้งสองข้างไปเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ก่อนเธอจะมาถ่ายทอดเรื่องราวของเธอในหนังสือ เดอะ มิร์เรอร์ เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา

หญิงแม่ลูกหนึ่งซึ่งใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังกับสุนัข 2 ตัวในบ้าน เล่าว่า เธอเริ่มสังเกตเห็น มิสซี่ มีพฤติกรรมแปลกๆ ตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2556 โดยมิสซี่ชอบเข้ามาใช้จมูกดุนที่เต้านมข้างซ้ายของเธอ และชอบใช้เท้าเขี่ยที่เต้านมซ้ายของเธอบ่อยๆ จนเธอรู้สึกรำคาญ และเมื่อผ่านไปหลายเดือน มิสซี่ก็ยังมีพฤติกรรมเช่นนั้นอยู่ อัลลิสันจึงคิดเอะใจว่า หรือมิสซี่อาจป่วยหรือมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า เธอจึงพามิสซี่ไปหาสัตวแพทย์ แต่ก็ได้รับคำตอบจากคุณหมอว่า สุนัขเธอไม่ได้ป่วยและปกติดีทุกอย่าง

หลังจากนั้นเมื่อกลับมาบ้าน อัลลิสันก็สังเกตเห็นว่า นอกจากมิสซี่จะยังมีพฤติกรรมชอบใช้จมูกดุนและใช้เท้าเขี่ยที่เต้านมซ้ายของเธอเหมือนเดิม มิสซี่ยังมีอาการหงอยๆ เศร้าๆ จนเธอรู้สึกแปลกๆ

"นั่นแหละ ฉันจึงเริ่มรู้สึกเอะใจขึ้นมาว่า หรือมิสซี่ต้องการจะบอกอะไรฉัน... ฉันจึงตัดสินใจลองไปตรวจมะเร็งเต้านมที่โรงพยาบาล แล้วหมอก็ตรวจพบก้อนเนื้อที่เต้านมข้างซ้าย"

"โชคดีที่ฉันตรวจพบมะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มต้น แต่หมอก็ยังพบก้อนเนื้ออีกก้อน มิสซี่เตือนฉันให้รู้ตัวได้ทันเวลา ฉันเข้ารับการผ่าตัดเต้านมออกทั้งสองข้างและใช้เวลานอนพักอยู่ในโรงพยาบาล 10 วัน ซึ่งพอฉันกลับมาอยู่บ้าน มิสซี่ก็มีพฤติกรรมเป็นปกติ เหมือนที่มันเคยเป็น ฉันรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณสุนัขของฉันจริงๆ"

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ก็เคยมีข่าวทำนองนี้ในต่างประเทศ ที่สุนัขสามารถดมกลิ่นและมีพฤติกรรมแปลกๆ กระทั่งเจ้านายรู้สึกสังหรณ์ใจจึงไปโรงพยาบาล แล้วก็ตรวจพบว่าตัวเองเป็นโรคมะเร็ง ทำให้ได้รับการรักษาได้ทันท่วงที

ภาพและข้อมูลจาก http://www.matichon.co.th/

วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2557

ม้าเร่ร่อนที่ถูกทิ้งให้อดตาย...มีคนใจดีมาช่วยสร้างปาฏิหาริย์

กลายเป็นข่าวดังที่ทำให้คนรักสัตว์ทั่วโลกถึงกับตื้นตัน เมื่อม้าตัวหนึ่งถูกทารุณและนำมาทิ้ง
ไว้ในป่า ซึ่งเจ้าของผู้โฉดชั่วคงกะจะปล่อยให้มันซูบผอมจนตาย…แต่แล้วปาฏิหาริย์ก็
เกิดขึ้นกับมัน!!!  
ซึ่งนี่คือเรื่องราวของเจ้า Polly ที่นอนพะงาบในสภาพหิวโซในเขต
Buckinghamshire 
ประเทศอังกฤษ โดยมันกับนอนอยู่กับเพื่อนอีกสองตัว ที่ทนหิว
ไม่ไหวจนขาดใจตายไปก่อน
แต่ในขณะที่มันจะตายตามเพื่อนไป Polly ก็ได้ถูกพบ
โดยเจ้าหน้าที่จากองค์กร Horse 
Trust ส่วนหน้าตาของมันจะเป็นยังไงตามมาดูกันเลยจ้ะ…

โดยเจ้าหน้าที่เล่าว่า นับตั้งแต่ช่วยเหลือม้ามา…นี่คือม้าที่ซูบผอมที่สุดที่เขาเคยเห็นในชีวิต



ซึ่งหากพบช้ากว่านี้มันคงตายแน่ แต่หลังจากที่พวกเขาก็นำมันมาฟื้นฟู อาการมันก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ

แล้วในช่วงที่ดูแลมันก็มีโรคแทรกซ้อนอาทิ ผิวหนังอักเสบ



แต่หลังจากที่พวกเขาทุ่มเทเฝ้าดูแลมัน ตอนนี้มันก็กลับมาวิ่งได้อีกครั้ง ซึ่งนี่ถือเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มาก



ภาพและข้อมูลจาก http://board.postjung.com/

วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เมื่อเสือดาวล่าเหยื่อผิดพลาด

เสือดาวตัวหนึ่งกำลังมองหาเหยื่อ ในที่สุดก็พบลิงตัวหนึ่ง จึงลงมือล่าและสังหารเป็นอาหารมื้อนี้
คงจะอิ่มได้สักมื้อสองมื้อ



และเสือดาวก็ลากซากของลิงขึ้นไปบนต้นไม้เพื่อหวังจะกินให้เปรมปรีด์


แต่ก็มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น นั่นคือมีลูกลิงตัวหนึ่งหล่นออกมาจากตัวแม่ลิงและตกลงไปที่พื้นด้านล่าง

เสือดาวตกใจกับเสียงร้องของลูกลิง จึงชะโงกหน้าลงไปมอง เห็นว่าเป็นลูกลิง เสือดาว
จึงรีบลงไปหาลูกลิง นอนลงข้างๆ ลูกลิงด้วยความสำนึกผิด



และในขณะเดียวกันก็มีไฮยีน่ามาแย่งเหยื่อ  เจ้าเสือดาวเมื่อเห็นไฮยีน่ามาก็รีบคาบลูกลิง
ขึ้นไปวางบนต้นไม้และเฝ้าอยู่ใกล้ๆลูกลิงด้วยความสำนึกผิดโดยไม่สนใจกับเหยื่อเลย
พยายามที่จะดูแลลูกลิง












ดูคลิปเพิ่มเติม







ภาพและเรื่องจาก http://www.youtube.com/



วันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ภาพด้วยรักและผูกพันธ์ระหว่างคนกับหมา

                               
แม้อยู่ในสถานการณ์ใดเราก็ไม่ทิ้งกัน สุนัขไม่ได้ต้องการบ้านหรู รถหรู ประดับตกแต่งที่ตัว
ด้วยของดีๆมีราคาแพง  แต่สุนัขต้องการแค่ให้อยู่ใกล้และรักเจ้าของเท่านั้น
มาดูภาพประทับใจที่ไม่ได้หรูหรา สวยงาม แต่มองเห็นความรักระหว่างกันได้
















ขอบคุณภาพจาก 1,000,000 Pictures

เจ้าของพิตบูลไอเดียเจ๋ง ประดิษฐ์ลู่วิ่งช่วยสุนัขออกกำลังกายคลายเครียด


ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เจ้าของสุนัขพันธุ์พิตบูลไอเดียเจ๋ง ประดิษฐ์ลู่วิ่งสำหรับให้สุนัขพันธุ์พิตบูลที่เลี้ยงไว้ 3 ตัวได้วิ่งออกกำลังกายคลายเครียด และสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ร่างกาย โดยที่ไม่ใช้มอเตอร์ หรือไฟฟ้า และปลอดภัยไม่ต้องพาไปออกกำลังกายนอกบ้าน ซึ่งอาจไม่ปลอดภัย และทำร้ายผู้อื่นเพราะเป็นสุนัขพันธุ์ดุ
       
ขึ้นเองโดยไม่ต้องบังคับ แค่คล้องโซ่ให้ก็วิ่งป๋อแล้ว

       นายชูศักดิ์ รัตนปราการ ซึ่งเลี้ยงสุนัขพันธุ์พิตบูล ไว้ในบ้านพักเลขที่ 12 ถนนสายบุรี เขตเทศบาลนครสงขลา จำนวน 3 ตัว เพื่อเฝ้าบ้าน ได้ประดิษฐ์ลู่วิ่งสำหรับให้สุนัขทั้ง 3 ตัวได้วิ่งออกกำลังกายเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ร่างกาย และช่วยคลายเครียดให้แก่สุนัข เนื่องจากสุนัขพันธุ์พิตบูลหากไม่ได้ออกกำลังจะมีอาการหงุดหงิด และเห่าตลอดเวลา แต่หากพาไปเดินออกกำลังกายนอกบ้านเกรงว่าอาจจะไม่ปลอดภัย เนื่องจากเป็นสุนัขพันธุ์ดุ จึงต้องประดิษฐ์ลู่วิ่งขึ้นมา 3 ชุด เพื่อให้สุนัขทั้ง 3 ตัว ได้ออกกำลังกายภายในบ้าน


นี่ก็อีกตัวมารอพร้อมวิ่งบนลู่เช่นกัน
       
       สำหรับลู่วิ่งที่ประดิษฐ์ขึ้นมาทั้ง 3 ชุด คล้ายๆ กับเครื่องวิ่งออกกำลังกายภายในบ้านทั่วๆ ไป โดยมีรั้วเหล็กกั้น 2 ข้าง และต่อเหล็กไว้บนรั้วสำหรับล่ามโซ่สุนัข ตรงกลางคล้องด้วยสายพานสำหรับเป็นลู่วิ่ง โดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้า หรือมอเตอร์ เมื่อสุนัขขึ้นไปเดิน หรือวิ่งสายพานจะลื่นไหลไปตามจังหวะการวิ่งของสุนัขว่าจะเร็วหรือช้า และจะนำถังน้ำมาวางไว้ใกล้ๆ เพื่อให้สุนัขกินเวลาเหนื่อย และช่วยฉีดน้ำบนตัวมันเพื่อคลายร้อน
       
เหนื่อยแล้วกินน้ำเพิ่มพลังซักหน่อย
       คุณชูศักดิ์ บอกว่า จะนำสุนัขทั้ง 3 ตัวมาวิ่งออกกำลังกายบนลู่วิ่งในช่วงเช้าทุกวันๆ ละประมาณ 2 ชั่วโมง ตั้งแต่ 08.00น.-10.00 น.ซึ่งทั้ง 3 ตัวต่างชอบใจ โดยเฉพาะเวลาที่มีคนมามุงดูเยอะๆ หรือมีรถจอดติดไฟแดงที่หน้าบ้านเจ้าสุนัขทั้ง 3 ตัวก็จะแสดงพลังโชว์ออฟวิ่งเร็วขึ้น และวิ่งไม่หยุด สร้างรอยยิ้มให้แก่ผู้ที่พบเห็น

       
ใจตรงกัน หิวน้ำพอดี แต่ไม่หวงกันนะ

       สำหรับสุนัขพันธุ์พิตบูลที่ตนเลี้ยงไว้ทั้ง 3 ตัว ขณะนี้อายุย่างเข้า 4 ขวบ ชื่อเจ้าบูลเบน (สีขาว) เจ้าน้ำหวาน (สีดำ) และเจ้าอังเปา (สีน้ำตาล)


ข้อมูลจาก http://www.manager.co.th/
ดูคลิปเพิ่มเติม






วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2557

100 ปีวันเกิดผู้ให้กำเนิดการ์ตูน'มูมิน'



ฟินแลนด์ไม่ได้มีชื่อเสียงจากตู้อบเซานาและโทรศัพท์มือถือโนเกียเท่านั้น แต่สินค้าส่งออกที่ทั่วโลกรู้จักดีอีกประการคือ อาณาจักรของการ์ตูนมูมิน ซึ่งมีรูปร่างใหญ่สีขาวลักษณะคล้ายฮิปโป ผู้สร้างการ์ตูนนี้ขึ้นมาเป็นชาวฟินแลนด์ชื่อโทวา ยอนส์ซอน

    ตัวละครหลักในมูมินได้แก่ครอบครัวของมูมินปาปา, มูมินแมมมาและมูมินโทรลที่มีชีวิตอยู่อย่างใกล้ชิดธรรมชาติมาก ทำให้มีเสน่ห์แปลกๆ และบางครั้งดูลึกลับ ช่วยดึงดูดความสนใจของคนทั่วโลกแม้จะต่างวัฒนธรรมกัน


    ญี่ปุ่นเป็นประเทศหนึ่งที่มีแฟนๆ ของมูมินอยู่มาก หลายคนเดินทางมายังฟินแลนด์เพื่อจะได้พบกับโลกของมูมินในสวนสนุก ทามามิ ยามากูจิ วัย 50 ปี เดินมาจากเมืองโยโกฮามา เผยถึงความชื่นชอบในมูมินว่า "มูมินช่วยให้คุณหลีกหนีจากความวุ่นวายของชีวิตแบบญี่ปุ่น และเข้าสู่โลกของตัวละครที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย"

    ยามากูจิเป็นหนึ่งในแฟนการ์ตูนเรื่องนี้ ที่ชอบสะสมสินค้าที่เป็นลายมูมิน ได้แก่ ชุดนอน, ปลอกหมอน ไปจนถึงชุดจานชาม ซึ่งมูลค่าสินค้ามูมินที่มีตั้งแต่แสตมป์ไปจนถึงลายบนเครื่องบินโดยสารสูงถึงราว 8 ล้านยูโร และสวนสนุกมูมินในญี่ปุ่นมีกำหนดจะเปิดในเดือนมกราคมปีหน้าด้วย

    ยอนส์ซอนเกิดเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 1914 ในครอบครัวของศิลปินซึ่งมีเชื้อสายสวีเดน เข้าเรียนที่สตอกโฮล์ม, เฮลซิงกิและปารีส

    สงครามโลกครั้งที่ 2 ส่งผลกระทบต่อฟินแลนด์ทั้งสูญเสียผู้คนเป็นแสนและดินแดน ทูอูลา คาร์จาไลเนน ภัณฑารักษ์พิพิธภัณฑ์ศิลปะเอเตเนอุมในเฮลซิงกิ กล่าวว่า สงครามโลกทำให้ครอบครัวมูมินถือกำเนิดขึ้นมา เพราะยอนส์ซอนต้องการให้คนคิดถึงเรื่องอื่นที่ไม่ใช่สงคราม

    เธอสร้างตัวละครต่างๆ โดยได้แรงบันดาลใจจากประสบการณ์ชีวิตและผู้คนที่เธอรู้จัก เช่น มูมินแมมมาที่อดทนและฉลาดมาจากต้นแบบของแม่เธอเอง การ์ตูนเล่มแรกตีพิมพ์ในปี 1945 ได้รับความนิยมในทันที จนเป็นนักเขียนฟินแลนด์ที่มีผู้แปลงานมากที่สุด หนังสือมูมินของเธอได้รับการแปลมากกว่า 30 ภาษา


    คาโร ฮาเมไลเนน บรรณาธิการนิตยสารวรรณกรรมพาร์นาสโซของฟินแลนด์เห็นว่า สิ่งที่ทำให้คนชอบมูมินคือเรื่องทัศนคติด้านปรัชญาในการมองชีวิต เรื่องราวในมูมินมีหลายมิติ สำหรับผู้ใหญ่จะให้แง่คิดทำให้เกิดปัญญา สำหรับเด็กเป็นเรื่องอารมณ์ความรู้สึก แม้จะมีเรื่องราวการผจญภัยมาก แต่มูมินไม่ได้มีรูปแบบการเล่าเรื่องเช่นเดียวกับการ์ตูนเพื่อความบันเทิงสำหรับเด็กทั่วไป.


ภาพจากอินเทอร์เน็ต และข้อมูลจาก http://www.thaipost.net/

วันอังคารที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2557

น่ารักสุดๆ สุนัขช่วยขายของที่ร้านบุหรี่โตเกียว

            สุดน่ารัก...สุนัขแสนฉลาด แถมขยันทำงาน คอยเปิดกระจกต้อนรับลูกค้าที่ร้านขายบุหรี่ในกรุงโตเกียว จนกลายเป็นเสน่ห์ดึงดูด ชาวญี่ปุ่นในท้องถิ่น และนักท่องเที่ยวจำนวนมาก


ซูซูกิกำลังยืนต้อนรับลูกค้า

เรื่องราวของสุนัขในญี่ปุ่นตัวหนึ่ง กำลังเป็นที่โจษขานในโลกออนไลน์ ด้วยความแสนรู้ และเฉลียวฉลาดของมัน ที่ไม่ใช่แค่กินแล้วนอนไปวันๆ แต่เจ้าสุนัขตัวนี้ยังขยันขันแข็ง ทำงานช่วยเจ้าของ ด้วยการทำหน้าที่ มานั่งเฝ้าหน้าร้าน คอยเปิดกระจกหน้าร้าน ต้อนรับลูกค้าที่ร้านขายบุหรี่แห่งหนึ่ง ในกรุงโตเกียว เมืองหลวงของญี่ปุ่น จนใครผ่านไปผ่านมา เป็นต้องหลงรัก และให้ขนมกิน
ซูซูกิกำลังยืนคุยกับลูกค้า
ตามรายงาน ระบุว่า ลูกค้าที่มาซื้อหาบุหรี่ที่ร้านแห่งนี้ เรียกมันว่า ‘ซูซูกิ’ และทันทีที่เจ้าซูซูกิ เห็นว่ามีลูกค้ามาแล้ว จากนั้นมันก็จะเลื่อนบานกระจกหน้าต่างให้กับลูกค้าทันที โดยมีเว็บไซต์หนึ่ง เขียนเรื่องราวของเจ้าซูซูกิ ว่า ‘นี่คือชีวิตจริงของสุนัข ที่กำลังทำงานในร้านขายบุหรี่ในกรุงโตเกียว’


                            

พร้อมกับบอกว่า ลองจินตนาการดู เจ้าซูซูกิจะดึงดูดลูกค้าที่ผ่านไปผ่านมามากขนาดไหน และจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเท่าไหร่ที่จะหยุดอยู่ที่หน้าต่างของร้านค้า เพื่อทักทายกับสุนัขที่น่ารักตัวนี้

ซูซูกิกับเจ้าของ

สำหรับเจ้าสุนัขแสนรู้ ‘ซูซูกิ’ เป็นพันธุ์ ชิบะ อินุ ซึ่งเป็นสุนัขพันธุ์ดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่มีขนาดเล็กที่สุด เป็นสุนัขที่มีรูปร่างกะทัดรัด หูตั้ง ขนสั้น มีทั้งสีดำผสมสีน้ำตาล สีแดง หรือสีงาแดง เป็นสุนัขอารมณ์ดี ตื่นตัว และฉลาดหลักแหลม

ภาพจาก http://www.youtube.com/ และข้อมูลจาก http://www.thairath.co.th/

ดูคลิปเพิ่มเติม



เจ้ากวางน้อยติดใจเกาพุง ไม่ยอมลงจากการอุ้ม



นับเป็นเรื่องดีๆของสองหนุ่มผู้ดูแลสายไฟฟ้า เรื่องมีอยู่ว่า Justin Lewis  ผู้โพสต์วิดิโอ
ลงใน
Youtube เล่าว่าขณะที่ตัวเขาและเพื่อนซึ่งทั้งคู่เป็นเจ้าหน้าที่ที่กำลังตัดต้นไม้ตาม
แนวสายไฟฟ้าอยู่ ก็พบลูกกวางตัวหนึ่งติดอยู่ในพุ่มไม้ที่ตัดลงมา และมีหนาม ทำให้
ลูกกวางน้อยไม่สามารถออกมาได้ ดิ้นรนด้วยความตื่นกลัว พวกเขาจึงช่วยกันเอา
ลูกกวาง
น้อยออกมาด้วยการอุ้มแ ละเกาที่ท้องเพื่อให้ลดความตื่นกลัว  ปรากฏเป็นที่
ชอบใจของเจ้ากวางน้อย พอจะวางลงก็ส่งเสียงร้องแบบไม่พอใจ ต้องเกาท้องให้ต่อ
จนกระทั่งพอใจ  จึงปล่อยลงพื้น....



เกาท้องให้จนเคลิ้ม

เตรียมวางลง หลังจากหายตกใจแล้ว


เจ้ากวางน้อยส่งเสียงออกอาการไม่พอใจ
เลยต้องยอมและเอามาอุ้มเกาพุงกันอีกครั้ง


ในขณะที่พวกเขาทำงานอยู่ เจ้ากวางน้อยนี้ก็ไม่ยอมไปไหน อาจจะเป็นไปได้ที่ตอนนี้
หลงกับแม่เสียแล้ว  เจ้ากวางน้อยป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้กับพวกเขานานเป็นชั่วโมง และในที่สุด
พวกเขาก็สังเกตเห็นมีแม่กวางมาชะเง้อดูพวกเราอยู่ที่เชิงเขา พวกเขาเลยเดาว่าเป็นแม่
ของเจ้ากวางน้อย เลยพามันไปส่งประมาณครึ่งทาง โดยมีแม่กวางเฝ้าดูอย่างไม่ละสายตา
พอวางเจ้ากวางน้อยลงมันก็รีบวิ่งไปหาแม่มันทันที แล้วก็เดินหายเข้าป่าไปด้วยกัน



ภาพและข้อมูลจาก http://www.youtube.com/

                                                                   ดูคลิปเจ้ากวางน้อย


หมาน้อยดีใจสุดขีดจนหมดสติเมื่อพบเจ้าของ


เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บนเว็บไซต์แชร์ไฟล์วีดีโอชื่อดัง "ยูทูบ" ได้มี
ผู้โพสต์คลิปของสุนัขพันธุ์ชเนาเซอร์ ที่ชื่อว่า เจ้า "เคซีย์" (
Casey) ที่แสดงความดีใจ
อย่างสุดขีด หลังจากไม่ได้เจอหญิงสาวผู้ที่เป็นเจ้าของมันเป็นเวลากว่า
 2 ปี 




                      


โดยผู้โพสต์ได้บรรยายรายละเอียดของเรื่องราวว่า เจ้าของของเจ้าเคซีย์ เป็นชาว
สหรัฐอเมริกา อาศัยอยู่ที่รัฐเพนซิลวาเนีย ก่อนที่เธอจะเดินทางไปทำงานที่ประเทศ
สโลวีเนีย เป็นเวลากว่า 2 ปี โดยที่เธอไม่ได้กลับมาเยี่ยมเจ้าเคซีย์เลย ซึ่งเวลา 2 ปี
ของมนุษย์ นั้นเทียบเท่ากับเวลา
 14 ปี ของสุนัขเลยทีเดียว และเมื่อเจ้าของเจ้าเคซีย์
กลับมาบ้าน เพื่อร่วมงานแต่งงานของคนในครอบครัว ทำให้เจ้าเคซีย์ได้พบหน้า
ของผู้เป็นนายอีกครั้ง จึงแสดงอาการดีใจจนสลบไปอย่างที่เห็นในคลิป
 


อย่างไรก็ตามทางเจ้าของได้พาเจ้าเคซีย์ไปพบสัตว์แพทย์และให้ดูวิดิโอแล้วก็พบว่า

อาการของมันไม่ได้เป็นอะไร แค่ดีใจเกินเหตุไปเท่านั้นเอง.


ดูคลิปของเจ้า Casey



ข้อมูลจาก http://www.dailynews.co.th/ และ http://www.youtube.com/


วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ความมหัศจรรย์ของสุนัข พิการ 2 ขาหลังตั้งแต่เกิด



"ดันแคน" สุนัขพันธุ์บ็อกเซอร์ พิการ 2 ขาหลังตั้งแต่เกิด ใช้ชีวิตได้ไม่ต่าง

จากสุนัขที่มีร่างกายปกติ เดิน-วิ่งอย่างมีความสุข





ดันแคนอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์จากความพิการของ 2 
ขาหลังแต่กำเนิด จนปัจจุบันขาหลังทั้ง 2 ข้างถูกตัดออกโดยเจ้าหน้าที่เชื่อว่า
ดันแคนจะมีชีวิตที่ดีขึ้น และในอนาคตคาดว่าจะนำล้อมาช่วยเสริมขาหลังด้วย 
(ปัจจุบันได้นำล้อมาช่วยเสริมขาหลังแล้ว)



การใช้ชีวิตที่น่าทึ่งของเจ้าดันแคนทำให้ผู้คนที่พบเหนต่างทึ่งในความแข็งกล้า
และความพยายามเพราะดันแคนวิ่งเล่นอย่างมีความสุขและมีสภาพจิตใจที่
ร่างเริงไม่ต่างจากสุนัขทั่วไป

ร่างกายที่พิการของ เจ้าดันแคน ไม่เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตเลยแม้แต่น้อย 
จากความด้อยทางร่างกายกลายเป็นการเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอย่างไร้อุปสรรค 
เป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้เราสู้และก้าวต่อไปแม้ว่าจะต้องเจออุปสรรค
ในชีวิตหรือวิกฤติมากน้อยเพียงใด





ภาพจาก http://www.youtube.com/ และข้อมูลจาก http://www.nationtv.tv/

ดูคลิปของ Duncal เพิ่มเติม







.........................................................................