วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ฉันเป็นหนี้บุญคุณสุนัข ที่ทำให้ฉันรู้ว่าเป็นมะเร็งเต้านม


ด้วยความที่ในครอบครัว ไม่เคยมีใครป่วยเป็นโรคมะเร็ง อัลลิสัน พาวเวลล์ แม่ลูกหนึ่ง ชาวเมืองพอร์ทสมัธ ประเทศอังกฤษ จึงไม่เคยคิดจะไปตรวจหามะเร็งเต้านมเลยสักครั้ง แม้อายุย่างเข้า 48 ปี

แต่เพราะ "มิสซี่" สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ เพศเมียวัย 4 ปีที่เธอเลี้ยงไว้แท้ๆ ที่ทำให้อัลลิสันตัดสินใจไปโรงพยาบาล และตรวจพบว่าเธอเป็นมะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้น เมื่อแพทย์ตรวจพบก้อนเนื้อร้ายที่เต้านมข้างซ้าย

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี พ.ศ.2556 และอัลลิสันได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลควีน อเล็กซานดร้า ฮอสปิตอล โดยแพทย์ได้ผ่าตัดเต้านมเธอออกทั้งสองข้างไปเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ก่อนเธอจะมาถ่ายทอดเรื่องราวของเธอในหนังสือ เดอะ มิร์เรอร์ เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา

หญิงแม่ลูกหนึ่งซึ่งใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังกับสุนัข 2 ตัวในบ้าน เล่าว่า เธอเริ่มสังเกตเห็น มิสซี่ มีพฤติกรรมแปลกๆ ตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2556 โดยมิสซี่ชอบเข้ามาใช้จมูกดุนที่เต้านมข้างซ้ายของเธอ และชอบใช้เท้าเขี่ยที่เต้านมซ้ายของเธอบ่อยๆ จนเธอรู้สึกรำคาญ และเมื่อผ่านไปหลายเดือน มิสซี่ก็ยังมีพฤติกรรมเช่นนั้นอยู่ อัลลิสันจึงคิดเอะใจว่า หรือมิสซี่อาจป่วยหรือมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า เธอจึงพามิสซี่ไปหาสัตวแพทย์ แต่ก็ได้รับคำตอบจากคุณหมอว่า สุนัขเธอไม่ได้ป่วยและปกติดีทุกอย่าง

หลังจากนั้นเมื่อกลับมาบ้าน อัลลิสันก็สังเกตเห็นว่า นอกจากมิสซี่จะยังมีพฤติกรรมชอบใช้จมูกดุนและใช้เท้าเขี่ยที่เต้านมซ้ายของเธอเหมือนเดิม มิสซี่ยังมีอาการหงอยๆ เศร้าๆ จนเธอรู้สึกแปลกๆ

"นั่นแหละ ฉันจึงเริ่มรู้สึกเอะใจขึ้นมาว่า หรือมิสซี่ต้องการจะบอกอะไรฉัน... ฉันจึงตัดสินใจลองไปตรวจมะเร็งเต้านมที่โรงพยาบาล แล้วหมอก็ตรวจพบก้อนเนื้อที่เต้านมข้างซ้าย"

"โชคดีที่ฉันตรวจพบมะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มต้น แต่หมอก็ยังพบก้อนเนื้ออีกก้อน มิสซี่เตือนฉันให้รู้ตัวได้ทันเวลา ฉันเข้ารับการผ่าตัดเต้านมออกทั้งสองข้างและใช้เวลานอนพักอยู่ในโรงพยาบาล 10 วัน ซึ่งพอฉันกลับมาอยู่บ้าน มิสซี่ก็มีพฤติกรรมเป็นปกติ เหมือนที่มันเคยเป็น ฉันรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณสุนัขของฉันจริงๆ"

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ก็เคยมีข่าวทำนองนี้ในต่างประเทศ ที่สุนัขสามารถดมกลิ่นและมีพฤติกรรมแปลกๆ กระทั่งเจ้านายรู้สึกสังหรณ์ใจจึงไปโรงพยาบาล แล้วก็ตรวจพบว่าตัวเองเป็นโรคมะเร็ง ทำให้ได้รับการรักษาได้ทันท่วงที

ภาพและข้อมูลจาก http://www.matichon.co.th/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น