วันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เจ้าหมาเพื่อนยาก จูงวัวชนคู่หูออกกำลังกายทุกวัน



เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านทุ่งเกาะญวน หมู่ที่ 5 ตำบลหนองบ่อ อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง ว่า พบสุนัขพันธุ์ผสมอัลเซเชี่ยน เดินจูงวัวชนไปออกกำลังกายบริเวณริมถนนบ้านเกาะญวน เป็นประจำทุกวัน จึงเดินทางไปตรวจสอบที่บ้านของ นายไข่ มากมูล อายุ 70 ปี เจ้าของบ้านเลขที่ 40 หมู่ที่ 5 บ้านทุ่งเกาะญวน ตำบลหนองบ่อ  อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง
พบสุนัขเพศผู้ อายุประมาณ 3 ปี กำลังเดินจูงวัวชนพันธุ์พื้นเมือง เพื่อออกกำลังกาย เส้นทางระหว่างบ้านพักสู่เทศบาลตำบลย่านตาขาว

 โดย นายไข่ ซึ่งเป็นเจ้าของวัวชนและสุนัข เล่าว่า ทั้งสุนัขและวัวชนดังกล่าว ตนซื้อมาเลี้ยงไว้ตั้งแต่เล็กๆ ทั้งสองตัวจึงมีความสนิทรักใคร่ ไม่เคยไล่กัด หรือทำร้ายกันเลย ต่อมาได้ตั้งชื่อสุนัขว่า “เจ้าสิงห์” และตั้วชื่อวัวชนว่า “เจ้าแดงเจริญทอง” กระทั่งหลังจากวัวชนอายุได้ 4 ปี ซึ่งใกล้จะลงสังเวียนได้ ตนจึงนำวัวชนเดินออกกำลังกายในช่วงเช้าของทุกๆ วัน  เพื่อเป็นการฟิตและเสริมความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย

 ทั้งนี้ ตนจะเป็นคนฝึกฝนให้ เจ้าสิงห์ สุนัขแสนรู้  เป็นผู้จูง เจ้าแดงเจริญทอง วัวชนคู่หู เนื่องจากเห็นว่าสุนัขมีกำลังแข็งแรง และน่าจะสามารถพาวัวไปออกกำลังกายได้ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 ปี ในที่สุด เจ้าสิงห์ ก็สามารถนำ เจ้าแดงเจริญทอง ออกเดินในช่วงเช้า เวลาประมาณ 04.00 น. ของทุกวัน โดยใช้ระยะเวลาเดินทางจากบ้านพักที่บ้านหนองยวน ไปยังตลาดสดเทศบาลตำบลย่านตาขาว เป็นระยะทาง 14 กม. หรือจะเดินทางกลับถึงบ้านพักในเวลาประมาณ 08.00 น. เป็นประจำทุกวัน

 นายไข่ ระบุว่า สัตว์เลี้ยงทั้งสองตัว มีความสนิทเหมือนกับเพื่อน และไม่เคยทำร้ายกัน แต่ถ้าเป็นสุนัขตัวอื่นๆ เจ้าแดงเจริญทอง วัวชนคู่หู จะไม่ยอมให้เข้าใกล้ ยกเว้นเฉพาะ เจ้าสิงห์ สุนัขเพื่อนยากเท่านั้น ขณะเดียวกันเวลาเจ้าแดงเจริญทองอาบน้ำ จะขึ้นไปเล่นขี่กันทุกครั้ง ซึ่งก็เป็นภาพที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก 


ภาพและข้อมูลจาก http://www.khaosod.co.th/

วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ฉันเป็นหนี้บุญคุณสุนัข ที่ทำให้ฉันรู้ว่าเป็นมะเร็งเต้านม


ด้วยความที่ในครอบครัว ไม่เคยมีใครป่วยเป็นโรคมะเร็ง อัลลิสัน พาวเวลล์ แม่ลูกหนึ่ง ชาวเมืองพอร์ทสมัธ ประเทศอังกฤษ จึงไม่เคยคิดจะไปตรวจหามะเร็งเต้านมเลยสักครั้ง แม้อายุย่างเข้า 48 ปี

แต่เพราะ "มิสซี่" สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ เพศเมียวัย 4 ปีที่เธอเลี้ยงไว้แท้ๆ ที่ทำให้อัลลิสันตัดสินใจไปโรงพยาบาล และตรวจพบว่าเธอเป็นมะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้น เมื่อแพทย์ตรวจพบก้อนเนื้อร้ายที่เต้านมข้างซ้าย

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี พ.ศ.2556 และอัลลิสันได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลควีน อเล็กซานดร้า ฮอสปิตอล โดยแพทย์ได้ผ่าตัดเต้านมเธอออกทั้งสองข้างไปเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ก่อนเธอจะมาถ่ายทอดเรื่องราวของเธอในหนังสือ เดอะ มิร์เรอร์ เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา

หญิงแม่ลูกหนึ่งซึ่งใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังกับสุนัข 2 ตัวในบ้าน เล่าว่า เธอเริ่มสังเกตเห็น มิสซี่ มีพฤติกรรมแปลกๆ ตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2556 โดยมิสซี่ชอบเข้ามาใช้จมูกดุนที่เต้านมข้างซ้ายของเธอ และชอบใช้เท้าเขี่ยที่เต้านมซ้ายของเธอบ่อยๆ จนเธอรู้สึกรำคาญ และเมื่อผ่านไปหลายเดือน มิสซี่ก็ยังมีพฤติกรรมเช่นนั้นอยู่ อัลลิสันจึงคิดเอะใจว่า หรือมิสซี่อาจป่วยหรือมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า เธอจึงพามิสซี่ไปหาสัตวแพทย์ แต่ก็ได้รับคำตอบจากคุณหมอว่า สุนัขเธอไม่ได้ป่วยและปกติดีทุกอย่าง

หลังจากนั้นเมื่อกลับมาบ้าน อัลลิสันก็สังเกตเห็นว่า นอกจากมิสซี่จะยังมีพฤติกรรมชอบใช้จมูกดุนและใช้เท้าเขี่ยที่เต้านมซ้ายของเธอเหมือนเดิม มิสซี่ยังมีอาการหงอยๆ เศร้าๆ จนเธอรู้สึกแปลกๆ

"นั่นแหละ ฉันจึงเริ่มรู้สึกเอะใจขึ้นมาว่า หรือมิสซี่ต้องการจะบอกอะไรฉัน... ฉันจึงตัดสินใจลองไปตรวจมะเร็งเต้านมที่โรงพยาบาล แล้วหมอก็ตรวจพบก้อนเนื้อที่เต้านมข้างซ้าย"

"โชคดีที่ฉันตรวจพบมะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มต้น แต่หมอก็ยังพบก้อนเนื้ออีกก้อน มิสซี่เตือนฉันให้รู้ตัวได้ทันเวลา ฉันเข้ารับการผ่าตัดเต้านมออกทั้งสองข้างและใช้เวลานอนพักอยู่ในโรงพยาบาล 10 วัน ซึ่งพอฉันกลับมาอยู่บ้าน มิสซี่ก็มีพฤติกรรมเป็นปกติ เหมือนที่มันเคยเป็น ฉันรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณสุนัขของฉันจริงๆ"

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ก็เคยมีข่าวทำนองนี้ในต่างประเทศ ที่สุนัขสามารถดมกลิ่นและมีพฤติกรรมแปลกๆ กระทั่งเจ้านายรู้สึกสังหรณ์ใจจึงไปโรงพยาบาล แล้วก็ตรวจพบว่าตัวเองเป็นโรคมะเร็ง ทำให้ได้รับการรักษาได้ทันท่วงที

ภาพและข้อมูลจาก http://www.matichon.co.th/