วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ลิลิก้า สุนัขจากบราซิล เดินไกลกว่า 6 กิโลเมตรเพื่อหาอาหาร แล้วคาบกลับมาให้เพื่อนกินทุกวัน


ลิก้า สุนัขจากบราซิล กำลังเดินไกลกว่า 6 กิโลเมตรเพื่อหาอาหาร
น้ำใจของสัตว์สี่ขางดงามจนมนุษย์ยังต้องอาย ลิลิก้า สุนัขจากบราซิล เดินไกลกว่า 6 กิโลเมตรเพื่อหาอาหาร แล้วคาบกลับมาให้เพื่อนกินทุกวัน 

          ในขณะที่ประชากรโลกมีเพิ่มมากขึ้นจนเกิดการแก่งแย่งใช้ทรัพยากร ตลอดจนสิ่งอุปโภคบริโภคต่าง ๆ เพื่อให้ตัวเองใช้ชีวิตได้สะดวกสบาย น้ำใจที่มีให้แก่กันเริ่มหดหายหาดูยากขึ้นทุกวัน แต่ในสังคมเล็ก ๆ ที่ลานขยะสำหรับทิ้งของเก่าแห่งหนึ่งในเมืองซานคาลอส ประเทศบราซิล ยังมีน้ำใจที่งดงามเบ่งบานอยู่ หนำซ้ำยังเป็นน้ำใจจากสัตว์สี่ขาของมะหมาที่มีชื่อว่า ลิลิก้า ผู้ออกตระเวนไกลจากถิ่นมากกว่า 6 กิโลเมตร เพื่อหาอาหารแล้วคาบกลับมาให้เพื่อนกินทุก ๆ วัน ซึ่งเพื่อนที่ว่าของมันมีทั้งหมา แมว ไก่ และล่ออีกหนึ่งตัวเลยล่ะ

          เว็บไซต์ odditycentral ผู้นำเรื่องราวดี ๆ นี้มาแชร์ เผยว่า เจ้าลิลิก้าถูกนำมาทิ้งไว้ที่ลานของเก่าแห่งนี้ตั้งแต่ยังเล็ก นางนีล ไวนา อันโตนิโอ ผู้ดูแลลานขยะจึงได้เลี้ยงมันเอาไว้พร้อม ๆ กับมวลหมู่สัตว์ตัวอื่น ๆ เมื่อเติบโต ลิลิก้าก็คลอดลูกออกมาครอกใหญ่ เป็นลูกหมาถึง 8 ตัว เมื่อมีชีวิตให้ที่ต้องดูแลเพิ่มมากขึ้น อาหารที่หาจากลานขยะแห่งนี้จึงไม่พอกิน มันจึงเริ่มผลุบหายออกไปตอนกลางคืน เพื่อคุ้ยหาอาหารประทังชีพ 
ลูเซีย นำอาหารมาให้ Lilica ที่จุดนัดพบราว 3 ทุ่ม ทุกวัน

Lilica กินอาหารก่อนที่จะคาบถุงกลับบ้าน
          จากจุดนี้เองที่ทำให้นาง ลูเซีย ผู้มีใจรักสุนัข ได้พบกับเจ้าลิลิก้าขณะที่มันกำลังเตร็ดเตร่ดมหาอาหารจากถังขยะ เธอจึงนำอาหารจากที่บ้านมาให้มันกิน จากวันแรก ๆ ที่มันกินเสร็จก็จากไป ลิลิก้าก็เริ่มกินแล้วคาบอาหารที่เหลือในถุงกลับไปด้วย โดยนางลูเซียบอกว่า ในวันแรกสุดนั้นมันคาบไปทั้ง ๆ ที่ถุงยังเปิดอยู่ จนข้าวหกเรี่ยราดตามทางที่มันเดินไปหมด วันต่อมาเธอจึงมัดปาดถุงให้แล้วเจ้าลิลิก้าก็คาบกลับไป สิ่งนี้กลายเป็นกิจวัตรประจำในเวลาราว 3 ทุ่มของทุก ๆ วัน ที่นางลูเซียจะเตรียมกับข้าวใส่ถุงแล้วออกมานั่งรอตรงลานจอดรถว่าง ๆ ไม่ไกลจากบ้าน สถานที่นัดพบประจำระหว่างเธอกับเจ้าหมาสีน้ำตาลตัวนี้ 

          จนในคืนหนึ่ง ลูเซีย ตัดสินใจเดินตามลิลิก้าไป เพราะอยากรู้ว่ามันคาบถุงใส่ข้าวกลับไปทำอะไรทุก ๆ คืน จึงได้พบว่า มันเดินไปไกลถึง 4 ไมล์ (ประมาณ 6.4 กิโลเมตร) เพื่อนำอาหารกลับไปแบ่งให้ลูกและเพื่อนสัตว์ตัวอื่น ๆ ที่ลานทิ้งของเก่าได้กิน และก็ทำเช่นนี้ทุก ๆ วันไม่เคยขาด 


Lilica  คาบถุงอาหารเดินทางกลับบ้าน


          ลูเซีย บอกว่า ตอนนี้เธอเลยไม่ค่อยอยากไปเที่ยวไหนไกล ๆ หรือไปค้างคืนนอกบ้าน เพราะเธอมีสัญญาใจกับเจ้าลิลิก้าว่าจะเตรียมอาหารให้มันทุก ๆ วัน ซึ่งมันก็มาหาเธอที่เดิมเวลาเดิมทุก ๆ คืน อาจดูเป็นภาระไปสักหน่อย แต่มันก็เป็นสิ่งที่เธอเต็มใจทำอย่างที่สุด 


          ด้านนางอันโตนิโอ ผู้อุปการะลิลิก้าและบรรดาสัตว์ที่หลายตัวที่ลานขยะ ก็บอกว่า ในขณะที่คนเราแทบจะไม่เคยแบ่งปันสิ่งที่ตนมีให้แก่กัน แต่สัตว์กลับมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้เพื่อน ๆ ของมัน ดูแล้วก็เป็นสิ่งที่มนุษย์น่าเอาเป็นแบบอย่างบ้างจริง ๆ 




ดูคลิป Lilica 



ข้อมูลจาก http://pet.kapook.com/ และภาพจาก http://www.youtube.com/

วันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เปลี่ยนหมาบ้านๆ ให้เป็นน้องหมานิสัยดีกันดีกว่า

      มีเพื่อนๆ  คนไหนบ้างที่ไม่อยากให้น้องหมาของเราน่ารัก นิสัยดี? แน่นอนค่ะว่า คนรักน้องหมาหลายๆ คนต้องมีความคาดหวังว่า น้องหมาของเราต้องมีนิสัยดี น่ารัก ไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่สร้างความเดือดร้อน!! ... แต่ในความเป็นจริงแล้ว น้องหมาของเพื่อนๆ บางคนอาจจะไม่ได้เป็นแบบที่หวังไว้ใช่ไหมล่ะคะ

     ยิ่งกับน้องหมาบ้านๆ ที่ไม่เคยถูกฝึกมาก่อน ชอบทำอะไรตามใจตัวเองด้วยแล้วหล่ะก็ แสบ ซน อย่าบอกใครเชียว!! และเจ้าความแสบซนตามประสาหมาบ้านๆ ที่นึกอยากจะทำอะไรก็ทำ อยากรื้อข้าวของก็รื้อจนกระจัดกระจาย อยากฉี่ตรงไหนก็ฉี่ แบบนี้เองค่ะ จึงอาจทำให้น้องหมากลายเป็นน้องหมาที่ไม่เชื่อฟังคำสั่งของผู้เลี้ยง  จนพัฒนาจนกลายเป็นน้องหมาก้าวร้าวในที่สุด ...

     เพราะฉะนั้นวันนี้ ปังปอนด์ก็เลยจะพาเพื่อนๆ มาเปลี่ยนน้องหมาบ้านๆ ธรรมดาๆ ให้กลายเป็นน้องหมานิสัยดี ด้วยการทำความเข้าใจว่าทำไมน้องหมาถึงแสดงพฤติกรรมสุดแสบต่างๆ ออกมา และเรียนรู้วิธีป้องกัน วิธีแก้ไขที่ผู้เลี้ยงสามารถทำได้ รับรองว่าง่าย และทำได้ทุกคนแน่นอนจ้า


รู้ไหม! นิสัยน้องหมาแตกต่างกัน



     นิสัยน้องหมาก็เหมือนกับนิสัยของคนเราที่มักจะแตกต่างกันออกไป ไม่จำเป็นว่าน้องหมาสายพันธุ์เดียวกัน หรือน้องหมาที่เกิดมาในครอกเดียวกันจะต้องมีนิสัยเหมือนกันเสมอไปนะคะ เพราะว่า

     น้องหมาบางตัวอาจจะรักความสันโดษ ไม่ชอบความวุ่นวาย บางตัวอาจจะชอบนัวเนียติดหนึบอยู่กับเจ้าของ แต่บางตัวก็ทั้งดื้อ ทั้งซน เป็นตัวป่วนประจำบ้าน ที่ทำให้เจ้าของต้องนั่งกุมขมับปวดตับกับนิสัยแสบๆ ของเจ้าตัวป่วนกันเลยทีเดียว


     แล้วเพื่อนๆ รู้ไหมคะว่า ทำไมน้องหมาแต่ละตัวถึงมีลักษณะนิสัย และพฤติกรรมที่แตกต่างกัน?

     ... ปังปอนด์บอกให้ก็ได้ค่ะว่า การที่น้องหมามีนิสัย และพฤติกรรมที่แตกต่างกันนั้นก็เพราะว่า น้องหมาแต่ละตัวถูกผู้เลี้ยง เลี้ยงดูในแบบที่แตกต่างกัน ทั้งสภาพแวดล้อม ความเป็นอยู่ วิธีการเลี้ยงดู หรือแม้กระทั่งการให้ความรัก ความใส่ใจ ความใกล้ชิดจากเจ้าของ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาถือเป็นตัวแปรที่สำคัญที่กำหนดนิสัย และพฤติกรรมของน้องหมาเลยก็ว่าได้ค่ะ

น้องหมาเป็นไหมนิสัย(เสีย)แบบนี้ ...
 

     ทีนี้เรามาดูกันว่านิสัยของน้องหมาแบบไหนที่เรียกว่า “นิสัยเสีย” แล้ววิธีไหนที่เพื่อนจะจัดการ เปลี่ยนแปลงนิสัยเสียๆ ของน้องหมาได้บ้าง ... อะแฮ่มๆ ปังปอนด์ว่า น้องหมาของเพื่อนๆ ต้องโดนเข้าสักข้อแน่ๆ เลยค่ะ ><”



1. เห่าหอนไม่เป็นเรื่องเป็นราว

      การเห่า เป็นสัญชาตญาณธรรมชาติของน้องหมา ซึ่งการเห่าของน้องหมามีข้อดีคือ น้องหมาสามารถเห่าเตือนผู้เลี้ยงเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างๆ ได้ เช่น เห่าเมื่อเจองู หรือเจอคนร้าย ซึ่งช่วยให้ผู้เลี้ยงสามารถเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างทันท่วงทีค่ะ

     แต่ถ้าจู่ๆ น้องหมาคิดจะเห่าก็เห่าขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย แถมเห่าเสียงดังแบบถี่ๆ ก็อาจจะทำให้ผู้เลี้ยงหงุดหงิด แถมมองหน้ากับเพื่อนบ้านไม่ติดอีกต่างหากใช่ไหมล่ะคะ?

     สิ่งที่ผู้เลี้ยงสามารถเรียนรู้ และลงมือป้องกันตั้งแต่เนิ่นๆ ก็คือ หากน้องหมายังเป็นหมาเด็ก ผู้เลี้ยงไม่ควรที่จะยุ  หรือฝึกนิสัยให้น้องหมาเห่าสิ่งต่างๆ โดยไม่มีเหตุผล ซึ่งการที่เจ้าของยุน้องหมาให้เห่าตั้งแต่เด็กๆ นั้น น้องหมาเค้าจะคิดว่า ทำแบบนี้ถูกต้องแล้ว ซึ่งเหมือนเป็นการสร้างพฤติกรรมให้น้องหมาเห่าแบบมั่วๆ ในอนาคตได้ค่ะ

     แต่ถ้าหากเป็นน้องหมาโต ผู้เลี้ยงสามารถแก้ไขปัญหาน้องหมาเห่าหอนไม่เป็นเรื่องเป็นราวได้ด้วยวิธี เบี่ยงเบนความสนใจ (ห้ามจัดการปัญหาด้วยการตี หรือใช้ความรุนแรง) ในขณะที่น้องหมากำลังเริ่มที่จะเห่า โดยการสร้างจุดสนใจให้น้องหมาหันมามอง เช่น การเรียก การเคาะสิ่งของต่างๆ ที่อยู่รอบตัว เช่น โต๊ะ เก้าอี้ เมื่อน้องหมาหยุดเห่าและหันมามองให้เพื่อนๆ พูดคำว่า "พอแล้ว" แล้วเอ่ยชมพร้อมกับตบที่ต้นคอน้องหมาเบาๆ เพื่อให้น้องหมารู้ว่า ทำดีแล้ว จากนั้นควรให้รางวัลเป็นขนมที่น้องหมาชอบค่ะ



2. กัดแทะ ทำลายข้าวของ
      คงไม่มีผู้เลี้ยงคนไหนชอบใจ หากเหนื่อยจากการทำงานแล้วกลับบ้านไปแล้วต้อง ช็อค! กับกองกระดาษทิชชูที่ถูกกัดกระจายอยู่เต็มพื้น สนามหญ้าหน้าบ้านถูกขุดเป็นรู ถุงขยะถูกรื้อสกปรก หรือสิ่งของสำคัญถูกน้องหมากัดจนพังเสียหาย ...

     การที่น้องหมากัดแทะ ทำลายข้าวของต่างๆ นั้น เกิดจากหลายปัจจัย เช่น น้องหมาเกิดความเครียดเมื่อต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง น้องหมามีพลังงานมาก หรือน้องหมาอาจจะทำเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเจ้าของ เรียกง่ายๆ ก็คือ น้องหมาของผู้เลี้ยงกำลังขาดความรัก และต้องการความใส่ใจนั่นเองค่ะ

ซึ่งวิธีการป้องกันไม่ให้ปัญหาน้องหมากัดแทะ ทำลายข้าวเหล่านี้เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่เรื่องยากค่ะ เพียงแค่เริ่มจากตัวผู้เลี้ยงเอง อย่างขั้นง่ายๆ ก่อนเลยก็คือ ถ้าเป็นน้องหมาเด็ก ผู้เลี้ยงควรหลีกเลี่ยงการเล่นแย่งของ แย่งตุ๊กตากับน้องหมา เพราะจะไปกระตุ้นสัญชาตญาณการกัดแทะของน้องหมาให้ชอบกัดทำลายข้าวของต่อไปในอนาคตได้ค่ะ 


   

     รวมไปถึงผู้เลี้ยงเอง ต้องตรวจสอบ และเก็บสิ่งของที่คิดว่าน้องหมาจะคาบมากัดทำลายให้อยู่ในตำแหน่งที่น้องหมาเอาไม่ถึง (เก็บให้พ้นปากหมา) หมั่นพาน้องหมาไปออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อให้น้องหมาได้ใช้พลังงาน และสิ่งสำคัญคือ ผู้เลี้ยงต้องให้ความรักความใส่ใจกับน้องหมามากขึ้นด้วยนะคะ



3. กินข้าวเลอะเทอะ กินอาหารกับพื้น

      เชื่อว่าผู้เลี้ยงหลายๆ บ้านต้องประสบปัญหา น้องหมากินข้าวเลอะเทอะ หรือชอบกินอาหารกับพื้น ให้ผู้เลี้ยงต้องมาทำความสะอาดตรงจุดเดิมๆ อยู่เป็นประจำใช่ไหมคะ ... ถ้าอย่างนั้นเรามาหาสาเหตุกันดีกว่าค่ะว่าปัญหานี้เกิดจากอะไร!

     สาเหตุของปัญหาน้องหมากินข้าวหกเลอะเทอะ สามารถเกิดจากหลายปัจจัย เช่น น้องหมาระแวงสิ่งต่างๆ รอบตัว น้องหมารู้สึกว่ากำลังจะถูกแย่งของกิน หรือรู้สึกไม่ปลอดภัย ซึ่งผู้เลี้ยงต้องสังเกตดูว่าจุดที่เราให้น้องหมากินอาหารนั้นเป็นพื้นที่ ที่มีผู้คน หรือสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ ผ่านไปมาหรือเปล่า เพราะโดยสัญชาตญาณแล้ว น้องหมามักจะล่า และแย่งอาหารของตัวอื่นๆ เพื่อการอยู่รอด ซึ่งข้อนี้อาจจะเป็นสาเหตุให้น้องหมากินข้าวหกเลอะเทอะนั่นเองค่ะ

     ทั้งนี้ ผู้เลี้ยงเองสามารถป้องกันปัญหานี้ได้ และง่ายมากๆ ค่ะ เพียงแค่ผู้เลี้ยงลองย้ายตำแหน่งจุดที่ให้อาหารแก่น้องหมาใหม่ โดยเอาชามอาหารหลบไปอยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีผู้คน หรือสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ เดินผ่าน และก่อนที่ผู้เลี้ยงจะวางชามข้าว ให้ผู้เลี้ยงหาผ้ายาง หรือหนังสือพิมพ์ปูก่อนวางชามข้าว เพื่อเป็นการป้องกันอาหารหกเลอะเทอะอีกขั้นตอนหนึ่งด้วยค่ะ


4. ขับถ่ายไม่เป็นที่


     เรียกได้ว่าเป็นปัญหาโลกแตกที่บ้านไหนๆ ก็ต้องเคยเจอเลยก็ว่าได้ค่ะสำหรับ ปัญหาน้องหมาขับถ่ายไม่เป็นที่ เดี๋ยวฉี่ตรงโน้นที ตรงนี้ที บนพรมบ้าง บนกองเอกสาร หรือสิ่งของสำคัญๆ บ้าง ทำเอาผู้เลี้ยงอยากจะเป็นลมไปซะทุกทีใช่ไหมคะ  ... แล้วปัญหาโลกแตกแบบนี้จะแก้ไขยังไงได้บ้างหล่ะเนี่ย!!

     ผู้เลี้ยงหลายๆ คนอาจจะไม่ทราบว่าสาเหตุที่น้องหมาขับถ่ายไม่เป็นที่เกิดจาก น้องหมาต้องการการสร้างอาณาเขตเพื่อบอกสุนัขตัวอื่นๆ (นี่มันเขตของข้านะ) หรือน้องหมาบางตัวก็แค่อยากเปลี่ยนสถานที่ หรือบรรยากาศเท่านั้น (ก็เบื่อที่เดิมๆ แล้วอะ ขอเปลี่ยนบรรยากาศบ้างแล้วกันนะเจ้านาย ><” ) ซึ่งผู้เลี้ยงไม่สามารถจะรู้ได้เลยว่าในแต่ละวัน น้องหมาเค้าอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศไปฉี่ตรงจุดไหน ...
                              
      และเพื่อไม่ให้น้องหมากลับมาฉี่ในพื้นที่ภายในบ้านที่ผู้เลี้ยงไม่ต้องการให้น้องหมาฉี่ซ้ำอีก มีวิธีที่ผู้เลี้ยงสามารถทำได้คือ พาน้องหมาออกไปขับถ่ายข้างนอกบ้าน ในตำแหน่งที่เราต้องการ โดยผู้เลี้ยงควรพาน้องหมาไปขับถ่ายในตำแหน่งเดิมทุกๆ วัน เพื่อให้น้องหมาชิน และรู้ว่าเขาต้องขับถ่ายนอกบ้าน ... ตรงจุดนี้นะ

     หรืออีกวิธีหนึ่งคือ ใช้น้ำยาป้องกันสุนัขฉี่ ซึ่งชื่อของน้ำยาก็บ่งบอกถึงสรรพคุณอยู่แล้วค่ะ ว่าเจ้าตัวแสบจะไม่กลับมาฉี่ซ้ำในที่เดิมๆ อีกอย่างแน่นอน แต่ถึงอย่างไรการแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้ก็เป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุนะคะ ซึ่งถ้าผู้เลี้ยงไม่อยากให้เกิดปัญหาเหล่านี้ ผู้เลี้ยงก็ควรที่จะเริ่มฝึกน้องหมาให้ขับถ่ายเป็นที่เป็นทางตั้งแต่ยังเล็กๆ ค่ะ เมื่อน้องหมาโตขึ้นมาจะได้มีนิสัยดี น่ารัก น่ากอดยังไงล่ะคะ ^^”



5. ก้าวร้าวใส่เจ้าของ




     น้องหมาของเพื่อนๆ เคยแสดงพฤติกรรมเหล่านี้ไหม? หวงของเล่น หวงพื้นที่ หวงอาหาร แย่งของจากมือผู้เลี้ยง กัดมือหรืออวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายผู้เลี้ยง กัดข้าวของที่ไม่ใช่ของเล่น ... ถ้าน้องหมาของผู้เลี้ยงแสดงพฤติกรรมต่างๆ เหล่านี้ก็มีความเสี่ยงที่น้องหมาของเพื่อนๆ กำลังจะกลายเป็นน้องหมาก้าวร้าว!!

     พฤติกรรมของน้องหมาที่กล่าวมาข้างต้นส่วนมากเกิดจากตัวผู้เลี้ยงเองที่ไม่รู้จักห้ามปรามน้องหมาตั้งแต่ยังเล็กๆ อย่างกรณีที่น้องหมาแย่งของจากมือผู้เลี้ยง หรือกัดมือผู้เลี้ยงนั้นก็เป็นเพราะผู้เลี้ยงไม่ได้สอนน้องหมาตั้งแต่ยังเด็ก ปล่อยให้น้องหมาแย่งของจากมือ หรือปล่อยให้กัดมือ เพราะเห็นว่าน่ารัก น่าเอ็นดู ซึ่งการปล่อยปละละเลยแบบนี้ส่งผลให้น้องหมาเคยชิน และคิดว่า “ทำได้ ไม่ผิด” จนติดเป็นนิสัยค่ะ


     การป้องกันไม่ให้ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นสามารถทำได้คือ ผู้เลี้ยงต้องสอนน้องหมาให้รู้จักเคารพผู้เลี้ยง ให้รู้จักตำแหน่งว่าใครคือจ่าฝูง ต้องให้น้องหมารู้จักนั่งรอ อย่าปล่อยให้น้องหมาแย่งของจากมือก่อนได้รับอนุญาต ซึ่งทั้งหมดนี้จะได้ผลดีหากผู้เลี้ยงเริ่มสอนน้องหมาตั้งแต่ยังเด็กเพื่อน้องหมาจะได้รู้ว่าอะไรควรทำ ไม่ควรทำ และผู้เลี้ยงควรมีกฏที่ต้องจำไว้ให้ขึ้นใจว่า “สอนและดุเพื่อห้ามพฤติกรรมแย่ๆ ชมและให้รางวัลเมื่อทำดี” นั่นก็เพื่อน้องหมาจะได้เป็นน้องหมานิสัยดี ไม่ดื้อ ไม่ซนนั่นเองค่ะ 
                                       
      เห็นมั้ยคะเพื่อนๆ ว่านิสัยแย่ๆ ของน้องหมาทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ล้วนแล้วแต่เกิดมาจากวิธีการเลี้ยงดูของผู้เลี้ยงเองทั้งสิ้น ... ต่อไปนี้ก็อย่าไปโทษน้องหมาว่าทำไมถึงนิสัยไม่ดีทั้งๆ ที่ก็ให้ข้าวให้น้ำ มีพื้นที่ให้วิ่งเล่น แต่ให้เพื่อนๆ ลองมองมุมกลับ ปรับมุมมองใหม่ว่า ผู้เลี้ยงเองหรือเปล่าที่ส่งเสริม และเลี้ยงน้องหมามาแบบผิดๆ จนทำให้น้องหมามีนิสัยเสีย!

     ปัญหาทั้งหมดนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยค่ะ หากผู้เลี้ยง เลี้ยงและฝึกน้องหมาด้วยวิธีที่ถูกต้อง
และสิ่งสำคัญที่ผู้เลี้ยงไม่ควรลืมที่จะมอบให้น้องหมานั่นก็คือ เวลา และความรักค่ะ เพราะทั้ง 2 สิ่งนี้ เป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อนิสัย และพฤติกรรมที่น้องหมาแสดงออกค่ะ ... หากไม่อยากให้น้องหมามีนิสัยแย่ๆ เราก็ควรป้องกัน และแก้ไขตั้งแต่เริ่มต้นนะคะ

ภาพและข้อมูลจาก http://www.dogilike.com/

ยาต้องห้ามในหมาป่วย

“เมื่อหมาเป็นไข้ หมาเจ็บปวดจากบาดแผลผ่าตัด หรือถูกตี จะให้ยาแก้ปวดของคนได้หรือไม่”
  
               นี่คือคำถามยอดนิยมคำถามหนึ่งที่หมอต้องพบบ่อยๆ หรือเจ้าของคิดว่าน่าจะใช้ยาคนก็ได้ กะๆ เอาตามส่วน เพื่อแก้ปัญหาไปก่อน หรือเรื่องแค่นี้ไม่ต้องถึงหมอหรอก เดี๋ยวก็เสียตังค์ไปกันใหญ่ ! ? ! อะไรทำนองนี้ จึงมีหลายครั้งที่ผลของการให้ยาแก้ปวดกับหมาโดยขาดความรู้ความเข้าใจทำให้กลายเป็นผลเสียถึงแก่ชีวิตของน้องหมาอันเป็นที่รัก
 
                ฉะนั้น การใช้ยาแก้ปวดลดไข้ที่มีประจำบ้านที่เป็นของคนโดยทั่วๆ ไปคือ 3 สหายนี้คือ แอสไพริน พาราเซตามอล และ ไอบูโปรเฟน นั้น ถือเป็นยาต้องห้ามสำหรับหมาครับ! ห้ามใช้โดยพลการ ต้องเป็นยาหมอสั่งเท่านั้น เนื่องจาก
 
                (1) แอสไพริน มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดไปทำให้เกล็ดเลือด (สารในเลือดที่ช่วยให้เลือดแข็งตัวหยุดไหลเมื่อเกิดบาดแผล ฯลฯ) ทำงานไม่สมบูรณ์ ผลคือเลือดไหลไม่หยุด ตกเลือด ยิ่งกว่านั้นหากใช้แอสไพรินกับยาอื่นๆ จะยิ่งก่อให้เกิดอันตราย เช่น ควบกับยาลดอักเสบประเภท สเตียรอยด์ และไม่ใช่สเตียรอยด์ ผลข้างเคียงจากแอสไพรินจะทำให้เกิดปัญหากับระบบทางเดินอาหาร ระบบการหายใจ ระบบประสาท เลือดไหลไม่หยุด และไตวายได้
 
                 (2) พาราเซตามอล แม้ว่าหมาจะไม่แพ้ หรือเกิดการเป็นพิษรุนแรงและเฉียบพลันเท่าแมว เจ้าเหมียวที่กินยาพาราขนาด 250 มิลลิกรัม เข้าไป 1 เม็ด ก็เกิดพิษถึงตายได้แล้ว แต่ในหมาขนาดน้ำหนักตัว 25 กิโลกรัม ต้องกินพาราขนาด 500 มิลลิกรัมต่อเม็ด เข้าไปถึง 7 เม็ดจึงจะเกิดความเป็นพิษแต่ยังไงก็ถึงตายเช่นกัน ฉะนั้นอย่าให้กินโดยหมอไม่สั่งจะดีกว่า
 
                 (3) ไอบูโปรเฟน เป็นยาแก้ปวด ลดไข้ ที่แพร่หลายในคน มีใช้กันแทบทุกบ้าน ถือว่าเป็นยาแก้ปวดลดไข้ยุคใหม่ใช้ได้ผลชะงัดนัก แต่สำหรับหมาแล้วมีช่วงความปลอดภัยแคบมากคือกินผิดขนาดเพียงเล็กน้อยกลับเป็นพิษรุนแรงต่อหมา เช่น เลือดออกในกระเพาะอาหาร เกิดแผลหลุมในกระเพาะ จนถึงไตวาย หากรักษาไม่ทันรับรองตายแน่ อาการเบื้องต้นของความเป็นพิษคือ เบื่ออาหาร อาเจียน อึดำ อาเจียนเป็นเลือด ปวดท้องรุนแรง อ่อนแรง หมดสติ สุดท้ายตาย การใช้ยาตัวนี้คุณหมอจะใช้เฉพาะที่จำเป็นภายใต้การควบคุมอย่างใกล้ชิด ทั้งขนาด วิธี และระยะเวลารักษา
 
                    จำไว้นะครับ ยาแก้ปวดลดไข้ 3 ตัวนี้ ห้ามให้หมากินจนกว่าจะได้รับคำแนะนำถึงขนาดและการใช้จากสัตวแพทย์เสียก่อน    จะได้ไม่ต้องมาเสียใจกันในภายหลังครับ!
 

ภาพจากอินเทอรฺเนต และข้อมูลจาก http://www.komchadluek.net/ โดย ... รศ.นสพ.ปานเทพ รัตนากร

7 สิ่งไม่ปรารถนาเมื่อเลี้ยงหมา


         ท่านผู้อ่านส่วนใหญ่มักมีทัศนคติ ความเห็นต่อการเลี้ยงหมาในทางที่ดี เช่น
เป็นเพื่อนคลายเหงา ช่วยเฝ้าบ้านป้องกันโจรขโมย ไล่งูหรือสัตว์ร้ายอื่นๆ ฯลฯ
เมื่อเหรียญมี 2 ด้านฉันใด การเลี้ยงหมาย่อมมี 2 ด้านฉันนั้น ดังเกริ่นไว้เป็นแง่ดี
ด้านมีคุณ แต่ด้านไม่พึงปรารถนานั่นเล่า ควรรู้และตระหนักถึงด้วย เพื่อหาทาง
ป้องกันรับมือปัญหาไว้ก่อนเกิด

         ข้อไม่พึงประสงค์ที่สำคัญเมื่อคุณเลี้ยงหมา ที่พบกันบ่อยเป็นประจำ
(ในบางราย) คือ


        1.ปัญหาเรื่องไม่มีคนดูแล เมื่อเทศกาลหรือวันหยุดยาวหรือไม่มีใครอยู่บ้าน
เจ้าของต้องปวดหัวหาคนมาให้ข้าวให้น้ำดูแลหมา หรือหาที่ฝากหมา เช่น ตาม
โรงแรมหมาที่มักจะเต็มและมีราคาสูง อย่าง “สงกรานต์” ยิ่งแล้วใหญ่ หลายคน
อดไปเที่ยวเพราะหาที่ฝากหมาไม่ได้!


        2.ปัญหาเรื่องขน หมาเป็นสัตว์มีขน ฉะนั้นท่านต้องยอมรับได้ว่าขนหมาที่
ร่วงหล่น ฟุ้งกระจายในบ้านเป็นธรรมดา ปกติก็ต้องร่วงบ้างเล็กน้อยตามธรรมชาติ
แต่ถ้าร่วงมากย่อมผิดปกติ อย่างไรเสีย ก็ต้องเก็บกวาดอยู่ดี


        3.ปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายดูแลรักษา การดูแลสุขภาพหมา ก็เช่นเดียวกับคน
เพื่อป้องกันโรคและรักษาโรคที่มีมากชนิด ซึ่งจำนวนค่าใช้จ่ายเหล่านี้มิใช่น้อยๆ 


        4.ปัญหาเรื่องการฉี่เลอะเทอะ โดยเฉพาะหมาเพศผู้ที่กำลังโตเป็นหนุ่มละก็
สร้างความรำคาญเพราะกลิ่น และความสกปรกที่แพร่ไปทั่วบ้าน ยิ่งเจ้าของมีรถใหม่
หรือรักรถมากๆ แทบจะอยากกำจัดเจ้าหมาน้อยออกไปเนื่องจากมาฉี่รดล้อทุกวัน


        5.ปัญหาเรื่องเสียงเห่าหอน การส่งเสียงเป็นที่รบกวนสร้างความรำคาญไม่เพียง
แต่ในบ้านคุณเอง ทว่าอาจก่อปัญหาหรือศัตรกับผู้เป็นเพื่อนบ้าน ความสงบสุขในการ
พักผ่อนและอยู่ร่มเย็นร่วมกับสังคมจึงหายไปเพราะเสียงของหมาบ้านคุณได้


       6.ปัญหาเรื่องกลิ่น หมามีทั้งกลิ่นตัวที่เกิดจากกลิ่นปาก กลิ่นหู กลิ่นผิวหนัง
และขน รวมถึงกลิ่นของสิ่งปฏิกูลที่ขับถ่ายทั้งอึ ฉี่ ตลอดจนกลิ่นทางอ้อมที่มาจาก
เศษอาหารหมา ฟูกที่หลับที่นอน กรงที่สกปรก จะเลี้ยงหมาโดยไม่ให้มีกลิ่นไม่พึง
ประสงค์เลยย่อมไม่ได้ แต่สามารถทำให้เบาบางหรือเกิดขึ้นน้อยลงได้


       7.ปัญหาเรื่องความก้าวร้าว ดุร้าย สิ่งนี้ไม่ใช่แค่น่ารำคาญ เช่น เสียงเห่า กลิ่น
 หรือฉี่เลอะเทอะ แต่ถึงกับก่อความเสียหายทั้งร่างกายและจิตใจของผู้คนที่ถูกกระทำ
ทั้งคนในบ้านและคนนอกบ้าน ดังตัวอย่าง หมาบางบ้านดุไม่ยอมให้ใครจับตัว กัดทุกคน
ที่ขัดใจ บ้างก็ขี้โมโห ฯลฯ ก่อปัญหาจนเจ้าของอยากทิ้งมีอยู่บ่อย และถูกอัปเปหิไป
เป็นหมาจรจัด ก่อปัญหาสังคมเรื้อรังดังปรากฏทุกวันนี้


        นี่แหละคือ 7 สิ่งที่คุณทั้งหลายที่เลี้ยงหมาไม่พึงประสงค์จะพบแต่อาจจะพบได้
มากบ้างน้อยบ้าง ขึ้นกับความรู้ ความเข้าใจ การดูแลเอาใจใส่และความรับผิดชอบที่คุณ
มีต่อน้องหมานั่นเอง

ภาพจากอินเทอรฺเนต และข้อมูลจาก  http://www.komchadluek.net/ โดย ... รศ.น.สพ.ปานเทพ รัตนากร

วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

บิ๊กบาว ควายแสนรู้ถูกไถ่ชีวิตจากโรงเชือด

วันที่  21 กรกฎาคม พระครูปภัสสรวรพินิจ หรือหลวงพ่อไพโรจน์ เจ้าอาวาสวัดห้วยมงคล
ต.ทับใต้ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์  เปิดเผยว่า หลังจากมีญาติโยมแจ้งว่าที่ อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา มีชาวบ้านนำควาย  บิ๊กบาว ไปขายที่โรงฆ่าสัตว์เพื่อเข้าโรงเชือด
และ ต่อมามีชาวบ้านมาขอซื้อควายในราคา 25,000 บาท เนื่องจากเขาควายตัวสวยงาม
อาตมาทราบได้สั่งให้ลูกศิษย์ใกล้ชิดไปติดต่อขอไถ่ชีวิตจากโรงฆ่าสัตว์ 


บิ๊กบาวกับหลวงพ่อไพโรจน์ เจ้าอาวาสวัดห้วยมงคล 
ต.ทับใต้ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

จากนั้นได้นำบิ๊กบาวมาเลี้ยงที่วัดห้วยมงคล  มาถึงวัดขณะที่กำลังนำลงมาจากรถ   อาตมา
ได้บอกว่า  " เอ็งไม่ตายแล้วนะ พ่อถ่ายชีวิตเองมาอยู่กับพ่อ " เมื่อ บิ๊กบาวได้ยินถึงกับ
น้ำตาไหลพรากออกมา จากนั้นได้เดินลงมารถดิ่งเข้ามาหาอาตมา ทำให้ผู้ที่ถือเชือก
ต้องดึงควายแสนรู้เอาไว้   เนื่องจากเกรงว่าควายจะเข้ามาทำร้าย  อาตมาได้บอกให้
ปล่อยเชือกที่ล่ามไว้ จากนั้นควายได้เดินเข้ามาหา  ก้มลงเลียเท้าหลายครั้ง  เหมือนกับ
รู้จักคุ้นเคยกันมาก่อน   จนอาตมาต้องบอกให้พอ   จากนั้นได้สั่งให้ลูกศิษย์นำ บิ๊กบาว
ไปอยู่ในคอกที่เตรียมไว้

ผู้สื่อข่าวรายงาน ขณะที่พระครูปภัสสรวรพินิจเดินกลับกุฎิ   บิ๊กบาวได้เดินตามจนเชือกตึง
และมีอาการดิ้นทุรนทุราย  ต่อมาหลวงพ่อได้สั่งให้ลูกศิษย์ไปแก้เชือกที่ผูกไว้ และปล่อย
ให้อยู่ตามธรรมชาติ  หลัวถูกปล่อยได้เดินตามหลังหลวงพ่อมายังกุฎิ  และล้มตัวลงนอน
เฝ้าข้างกุฏิจนรุ่งเช้าโดยไม่ลุกหนีไปไหน สร้างความแปลกใจเป็นอย่างมาก 

ภาพและข้อมูลจาก http://www.matichon.co.th/

วันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

แมวสาหัสจากไฟไหม้ ได้รางวัลสัตว์ใจแกร่งปี2013


PDSA Pet Survivor of the Year, Robbie with his trophy
 มวเร่ร่อนที่รอดชีวิตจากการบาดเจ็บสาหัสเพราะถูกไฟไหม้ ได้รับรางวัล 
"Pet Survivor" แห่งปีจากองค์กรช่วยเหลือสัตว์ PDSA แห่งอังกฤษ
 รางวัลนี้เป็นการร่วมจัดระหว่างองค์กรสงเคราะห์สัตว์ PDSA (People's 
Dispensary for Sick Animals) กับหนังสือพิมพ์ซันเดย์ เอ็กซ์เพรส มอบรางวัล
สัตว์รอดชีวิตดีเด่นแห่งปี2013ให้กับน้องแมวชื่อ Robbie ที่มีหัวใจนักสู้รอด
ชีวิตมาได้อย่างเหลือเชื่อ 
l-r PDSA vet Paul Manktelow, Gill with Robbie
and TV Presenter and vet Steve Leonard
      Robbieเป็นแมวอายุ 1 ปี อาศัยบริเวณเฮอร์เนเบย์ มณฑลเคนต์ ใกล้กับกรุง
ลอนดอน เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา โซฟาที่Robbieนอนอยู่ไฟลุกไหม้ขึ้น และ
Robbieก็โดนไหม้ทั้งหัว, ขา และอุ้งเท้า เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือสัตว์ของ
รัฐบาลนำตัวRobbieไปให้สัตวแพทย์ที่บรอดเวย์รักษา ตอนแรกคาดว่าRobbieคงไม่น่ารอดชีวิต หมอต้องผ่าตัดและปลูกถ่ายอวัยวะให้ และต้องตัดขามัน
ข้างหนึ่ง โดยมีชาวอังกฤษผู้ใจบุญช่วยบริจาคมาจากทั่วประเทศ และRobbie
ก็รอดมาได้อย่างเหลือเชื่อ 

    ตอนนี้ Robbie ไม่ต้องเป็นแมวเร่ร่อนอีกต่อไป เพราะ กิลล์ สมิธ 
นำน้องเหมียวมาเลี้ยงที่บ้านของเขาทางใต้ของลอนดอน ซึ่งเธอบอกว่า
มันเป็นแมวที่สร้างแรงบันดาลใจให้เธออย่างยิ่ง ส่วนสัตว์แพทย์ที่มอบ
รางวัลนี้ให้กับสมิธและ Robbie ก็บอกว่า "เขาไม่เคยเห็นแมวที่มีแผล
ไฟไหม้สาหัสขนาดนี้จะรอดชีวิตมาได้ มันเป็นแมวที่คู่ควรกับรางวัลนี้"


ภาพจาก http://www.pdsa.org.ukข้อมูลจาก http://www.thaipost.net

วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2557